จากที่วันนี้(26 มิ.ย.63) ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และเพื่อนธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้แถลงถึงการที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็ก เสนอต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือนจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563นั้น
ทั้งนี้เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้รวมเวลา 3 เดือนแล้ว ช่วงการระบาดของสถานการณ์โควิด-19 ประชาชนยอมรับการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆของรัฐเป็นอย่างดี จนส่งผลให้สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้
“แต่วานนี้ (25 มิ.ย.63) เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงจะเสนอขยายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีกเป็นเวลา 1 เดือน โดยอ้างว่าเพื่อรองรับการคลายล็อกระยะที่ 5 ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นว่าขณะนี้ไม่พบผู้ป่วยในประเทศต่อเนื่องมาถึงวันนี้เป็นเวลา 32 วันแล้ว หากจะพบผู้ป่วยในประเทศอีกในอนาคตศักยภาพของระบบสาธารณสุขที่เตรียมไว้ ก็พร้อมที่จะรับมือได้ ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีเหตุผลใดเพียงพออีกแล้วที่จะขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเอาไปอีก
อีกทั้งยังมีกฎหมายปกติที่สามารถควบคุมโรคระบาดได้ แต่การขยายสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีก โดยอ้างการคลายล็อกเป็นเหตุผลที่ขัดกันเอง เพราะการคลายล็อกอย่างหนึ่งก็คือการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน คืนชีวิตปกติให้ประชาชน
รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายปกติเพื่อควบคุมโรคระบาดได้ แต่สิ่งที่กฎหมายปกติไม่สามารถตอบสนองความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างเดียวก็คือการควบคุมประชาชน” เลขาฯพรรคก้าวไกล กล่าว
นอกจากนี้นายชัยธวัช ยังกล่าวอีกว่า ดังนั้นเหตุผลที่แท้จริงในการขยายสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปก็คือความต้องการที่จะใช้ฉุกเฉินใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษนี้เพื่อควบคุมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่กำลังไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงควบคุมข้อมูลข่าวสารและสื่อมวลชน
“ยังเปิดช่องให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐสามารถใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ จะเห็นได้ว่าการใช้มาตรการต่างๆ ที่ไม่มีการรับผิดชอบ เช่น การห้ามไม่ให้ประชาชนทำมาหากิน แต่ไม่มีมาตรการใดๆ ที่ชดเชยเยียวยาอย่างสมเหตุสมผล และประชาชนก็ไม่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้ ซึ่งเป็นปัญหาการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงเห็นอาการลุแก่อำนาจโดยใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไปดำเนินคดีกับประชาชนนิสิตนักศึกษาที่ออกมาแสดงออกทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ การใช้เจ้าหน้าที่รัฐทั้งในและนอกเครื่องแบบไปข่มขู่คุกคามประชาชน ที่วิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจ ซึ่งเป็นการใช้อำนาจที่ไม่รับผิดชอบผ่าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ขอคัดค้านการขยายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไป และหวังว่าต้นสัปดาห์หน้ารัฐบาลจะมีเหตุผลรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ในการยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมุ่งเน้นการฟื้นฟูชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชน พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับการขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร่วมการแสดงออกทางการเมืองตามสิทธิเสรีภาพที่ทุกคนมีอยู่ เพื่อช่วยกันกดดันรัฐบาลให้ยุติการลุแก่อำนาจและมุ่งทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง” นายชัยธวัช กล่าว