หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในบ้านเราเริ่มดีขึ้น แรงงานพม่าก็เริ่มเข้ามาทะลักชายแดนแม่สายมากขึ้น เนื่องจากต้องการเข้ามาหางานทำ โดยรายแรกเจ้าหน้าที่ได้ไล่จับรถปิกอัพที่ขนกันมา 14 คน ข้ามทางแม่น้ำรวก อีกรายเป็นพ่อแม่ลูกข้ามมาทางแม่น้ำสาย
โดยทางด้านพ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม. 2 ได้รับรายงานว่า ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ของ จ.เชียงราย ปลอดผู้ติดเชื้อผ่านมา 86 วันแล้ว และมีการผ่อนคลายเกือบเป็นปกติ ทำให้กลุ่มแรงงานชาวเมียนมา เริ่มทยอยลักลอบข้ามแม่น้ำรวกเข้ามาหางานทำฝั่งไทย จึงสั่งการให้ ร.อ.กิตติเดช กันคล้อย ผบ.ร้อย.ม.3 ฉก.ม.2 นำกำลังออกตรวจเข้มตามตะเข็บชายแดน
เมื่อไปถึงท่าข้ามศรีป่าแดงซอย 17 บ้านศรีป่าแดง 9 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย พบรถปิกอัพโตโยต้าสีขาว ทะเบียน บจ-7300 เชียงราย บรรทุกแรงงานชายหญิงชาวเมียน 14 คน ขับออกมาจากท่าข้าม ริมแม่น้ำรวกอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุด เพื่อขอทำการตรวจค้น แต่รถปิกอัพคันดังกล่าว ได้ขับรถหลบหนี ออกไปทันที เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามไปถึงซอยตัน พิกัด( PC 011597) รถปิกอัพจนมุมไปไหนไม่ได้
ทางเจ้าหน้าที่ทหารจึงควบคุมตัวนายสมพล สุผากอง อายุ 46 ปี เลขที่ 125 หมู่ 9 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย และแรงงานชาวเมียนมา 14 คน ส่ง สภ.เกาะช้าง ดำเนินคดีข้อหานำพาคนต่างด้าวเข้าเมือง จากการสอบสวนผู้ต้องหาชาวเมียนมา ให้การว่า ต้องการมาหาทำงานในไทย แต่ด่านพรมแดนปิด จึงต้องลักลอบข้ามน้ำน้ำรวกมาตายดาบหน้า เพราะขณะนี้ฝั่งเมียนมาสินค้าแพง ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก
ส่วนรายที่ 2 เจ้าหน้าที่จับกุมตัวแรงงานชาวเมียนมา ชาย 1 คน หญิง 2 คน เด็ก 2 คน รวม 5 คน ขณะเดินข้ามแม่น้ำสาย เข้ามาที่บริเวณท่าข้ามกำนันนัย บ.เวียงหอม หมู่ 4 ต.แม่สาย และนางอ้อย ศรีแก้ว นายแสง มาเร็ว มาคอยรับแรงงานเมียนมาทั้งหมด ส่ง สภ.แม่สาย สอบสวนดำเนินคดี