จากกรณีที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และพวกรวม 6 คน ซึ่งเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง คดีอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษา ได้มาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตามนัดหมาย เพื่อนัดตรวจพยานหลักฐานตามกำหนดวันที่ 22 มิ.ย.63 นั้น
ต่อมา เวลา 12.20 น. เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ขึ้นรถเรือนจำกลางบางขวางกลับไปยังเรือนจำกลางบางขวาง โดยขณะอยู่บนรถเรือนจำ พ.ต.ท.บรรยิน ได้ชู 3 นิ้วให้กับสื่อมวลชน ก่อนเคลื่อนตัวออกจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง
ขณะที่ทางด้านทนายความของ พ.ต.ท.บรรยิน ระบุสั้น ๆ หลังออกจากศาลในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ว่า จากการตรวจสอบของพยานหลักฐานที่ฝ่ายโจทก์ นำมายื่นต่อศาลในวันนี้ เบื้องต้นพบว่าเอกสารที่โจทย์นำมาอาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริงทั้งหมด ตนจึงได้ร้องต่อศาลเพื่อขอเพิ่มเวลานัดตรวจสอบพยานหลักฐาน จากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.บรรยิน วางแผนแหกคุกนั้น ยืนยันไม่มีทางเป็นไปได้
ต่อมาทางด้านกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ประชุมคณะทำงานสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว โดยพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ได้เปิดเผยภายหลังการประชุม ระบุว่า จากการสอบสวนพบว่ามีการวางแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ระหว่างการคุมตัวไปศาลจริง ซึ่งไม่ได้มีเพียงหลักฐานคำให้การของนายโจและนายท็อป ที่ถูกสั่งให้ไปหาทางช่วยเหลือ พ.ต.ท.บรรยิน เท่านั้น โดยตำรวจมีหลักฐานทั้งพยานบุคคลและเอกสารที่จะดำเนินคดี พ.ต.ท.บรรยิน ได้ใน 4 ข้อหา ดังนี้ ฐานเป็นผู้ใช้-จ้างวาน สนับสนุนผู้อื่นให้กระทำผิด ส่วนพฤติการณ์ไปลักพาตัวเข้าข่ายข่มขืนใจเจ้าพนักงานถือเป็นความผิดตาม มาตรา 139 ป.อาญา, มาตรา 191 ช่วยผู้ต้องขัง และ มาตรา 309-310 หน่วงเหนี่ยวกักขัง ซึ่งจะมีการเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวมถึงการแจ้งข้อกล่าวหานั้น ภายในสัปดาห์นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : กองปราบยันมีหลักฐานเส้นทางการเงิน-ติดต่อสื่อสาร แผนแหกคุกของ “บรรยิน”
ล่าสุดทางด้านพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องขังคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ที่กำลังวางแผนแหกคุก ว่า วันนี้ตนได้เรียกประชุมคณะทำงาน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยวันนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกพยานบุคคลสำคัญมาสอบปากคำทั้งหมด 3 ราย เพื่อให้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ภายในสัปดาห์นี้ แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อ พ.ต.ท.บรรยินได้เมื่อใด เนื่องจากยังต้องรวบรวมหลักฐานให้รัดกุมมากที่สุดก่อน
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.บรรยิน เเถลงต่อศาลว่าตัวเองถูกแยกขังเดี่ยวอยู่ จึงไม่มีทางจะหลบหนี หรือติดต่อใครให้ช่วยเหลือหลบหนีได้ เรื่องนี้ก็ไม่น่ากังวลอะไร เพราะคดีนี้ถึงจะเป็นเพียงคำให้การของอดีตนักโทษที่รับสารภาพถึงเเผนการ เเต่ไม่ใช่มีเพียงแค่คำให้การเท่านั้น เพราะเจ้าหน้าที่ก็มีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ทั้งเส้นทางการเงิน และการติดต่อสื่อสารกันในกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งคงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นส่วนสำคัญทางคดี และขณะนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีแผนการแหกคุกอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับพยานบุคคล 3 ราย ที่กองปราบปรามออกหมายเรียกมาให้ปากคำนั้น มีทั้งทนายความที่ช่วยประสานเรื่องประกันตัวนายโจ , พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.เขต 4 จังหวัดนครสวรรค์ และนายวรภัทร ตั้งภากรณ์ หรือ บอส ลูกชายของพ.ต.ท.บรรยิน เอง คาดว่าจะมีความชัดเจนอีกครั้งในแผนการของพ.ต.ท.บรรยิน