ที่มลรัฐไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา ชุมชนคนอเมริกันผิวขาวในชนบท ได้เข้าร่วมประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวสีมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ทั้งที่เป็นชุมชนที่อดีตมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มลัทธิคนขาวสูงสุด (Supermacist) ตลอดเดือนนี้กลายเป็นการชุมนุม Black Lives Matter มีการ์ดรักษาความปลอดภัยติดอาวุธ อ้างคอยดูแลความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม
2 ทศวรรษที่ผ่านมา อารยันคนขาวสูงสุด (Aryan Nations white supermacists) ซึ่งเคยมีกิจกรรมรณรงค์ต่อเนื่องบริเวณเชิงเขาร็อคกีเม้าเทนส์ แต่เดือนนี้กลับเต็มไปด้วย การชุมนุมประท้วงต้านเหยียดผิว, ขบวนการ ที่เมือง Coeur d’Alene, มลรัฐไอดาโฮ a มีผู่อาศัยอยู่ 50,000 คนเป็นคนอเมริกันผิวขาว 93% และเป็นคนผิวสีครึ่งหนึ่ง ยังไม่มีการปะทะ
ประเด็นกระทบความรู้สึกความคิดของคนอเมริกันคือเรื่อง “จอร์จ ฟลอยด๋” ชายอเมริกันอาฟริกันอายุ 46 ปี ที่ถูกจับกุมด้วยข้อกล่าวหาใช้ธนบัตรดอลลาร์ 20 ดอลลาร์ปลอม เขาถูกตำรวจผิวขาวจับใส่กุญแจมือ และใช้เข่ากดคอเป็นเวลาประมาณ 8 นาที แม้ร้องขอว่าทำเขาหายใจไม่ออก ตำรวจไม่สนใจ ทำให้เขาเสียชีวิตในที่สุด
ภาพวีดิโอโหดร้ายนี้แพร่เป็นไวรัลทั่วโซเชียลมีเดีย เพียงคืนเดียวจึงเกิดการชุมนุมประท้วงตำรวจในพื้นที่ แม้ตำรวจผู้ทำผิดจะถูกจับดำเนินคดีทั้งคณะ แต่เรื่องราวได้จุดประกายความคับข้องใจในปัญหาเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติซึ่งดำรงอยู่มานานในสหรัฐฯ แต่แสดงออกชัดเจนและเข้มข้นเปิดเผยในสมัย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง
จูดี มัลเลอร์ ศาสตราจารย์ไม่ประจำจากวิทยาลัยแอนเน็นเบิร์กแห่งแคลิฟอร์เนียใต้ คณะนิเทศศาตร์และสื่อสารมวลชนกล่าวว่า “ฉันเชื่อว่าปรากฏการณ์เหล่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของผิวขาวหรือผิวดำ ไส่ใช่เรื่องคนเมืองหรือคนชนบท แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมมนุษยชาติ และโดยเฉพาะของสังคมอเมริกัน ซึ่งพวกเราทุกคนต่างได้รับผลกระทบ”
…………………………………………..
Cr: thewallstreetjournall, epkmetro,