ในรายการ “ทิศทางไทยในช่วงเวลา 00.00 กับ สนธิญาณ” ทางช่องสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ผ่านทางยูทูป ทางด้าน “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม”ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับกรณีที่นายวรวุฒิ อุ่นใจ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคกล้า ร่วมลงชื่อสนับสนุน #คัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ หลังการเปิดตัวพรรคกล้าเพียงไม่กี่วัน ระบุว่า…
เมื่อวันที่14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ฝรั่งถือว่าเป็นแห่งความรัก พรรคกล้าได้ประกาศตัวขึ้น ซึ่งมีนายกรณ์ จาติกวณิช และ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้ร่วมก่อตั้ง 2ส.ส.คุณภาพจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถอยออกมาเดินหน้าทางการเมืองในทิศทางของตัวเอง
“สนธิญาณ”วิเคราะห์ต่อว่า…กระแสไม่บูมเท่าที่ควร แต่ก็ได้รับความสนใจพอประมาณ ซึ่งในวันเปิดตัวพรรค(14ก.พ.63) นายอรรถวิชช์ ได้ไปยื่นขอจดทะเบียนพรรคโดยใช้ชื่อว่า พรรคกล้า โดยผู้ที่ร่วมขบวนไปด้วยก็คือ นายวรวุฒิ อุ่นใจ เจ้าพ่อSME ที่รู้จักกันดี อีกท่านหนึ่งก็คือ “ครูเป็ด” นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร ศิลปินงานดนตรีที่รู้จักกันในหมู่วัยรุ่นพอประมาณ
แต่ปรากฏว่าผ่านมาเพียงวันเดียวพรรคกล้าก็ถูกวิสามัญฆาตกรรมโดยนายวรวุฒิ อุ่นใจ ผู้ที่ร่วมกันก่อตั้งพรรค ผู้ที่ไปยื่นจดทะเบียนพรรค ด้วยการออกมารณรงค์ให้ลงชื่อ คัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่ การออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ แน่นอนว่าตัวประกาศอยู่พรรคกล้า แต่ยืนหยัดในอุดมการณ์ผิดๆของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งอุดมการณ์ผิดๆก็คืออุดมการณ์ที่ปกป้องตัวเองจากการกระทำผิดด้วยการไม่เข้าเคารพหลักกฎหมาย พยายามไปตีความเบียงเบนว่าผู้ใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม ตัวเองถูกกลั่นแกล้ง แต่ความจริงเรื่องที่กำลังดำเนินการนี้เป็นเรื่องของหลักกฎหมาย ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้เคยถูกวินิจฉัยมาครั้งหนึ่งแล้ว ในกระบวนหลักกฎหมายแบบเดียวกันว่าไม่มีความผิด แต่วันนี้เรื่องกู้เงิน ยืมเงิน ค่อนข้างที่จะชัดว่ากฎหมายพรรคการเมือง บังคับเอาไว้ชัดเจนว่าพรรคการเมืองทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน การทำนอกเหนือจากที่กฎหมายได้กำหนดหน้าที่ หรือสิทธิที่จะทำได้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะพรรคการเมืองมีลักษณะ สถานะที่เป็นองค์กร ซึ่งไม่เหมือนกับองค์กรนิติบุคคลทั่วๆไป มิหน้ำซ้ำยังไม่ต้องเสียภาษี เพราะฉะนั้นการกู้ยืมเงิน การคิดอกเบี้ยจึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และยิ่งเป็นการยืมจากหัวหน้าพรรคตัวเอง จ่ายดอกเบี้ยกลับไปให้กับหัวหน้าพรรคตัวเองอีก ศาลจะถูกผิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การที่ออกมารณรงค์บอกว่าไม่ควรยุบพรรคอนาคตใหม่และรณรงค์รวมชื่อทำลายหลักกฎหมายอย่างชัดเจน สังคมจะอยู่กันอย่างไรถ้าไม่มีกฎหมายเป็นหลัก
ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้คนที่กำลังจะเดินเข้าพรรคกล้า ต้องติดเบรกกันเป็นแถว มิหน้ำซ้ำการออกมาเคลื่อนไหวของนายวรวุฒิ ทำให้พรรคกล้าเกิดศัตรู ขึ้นสองกลุ่มในทันที กลุ่มแรกคือ กลุ่มที่เห็นอย่างชัดเจนว่าพรรคอนาคตใหม่ต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะทำอยู่ในกรอบของกฎหมาย หรือล่อแหลมไปบ้าง แต่อุดมการณ์และจุดยืนนั้นต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์แน่นอน คนกลุ่มนี้ย่อมต้องไม่เอาพรรคกล้าด้วย เมื่อคนที่ร่วมก่อตั้งพรรคกล้าไปยืนหยัดกับอุดมการณ์ผิดๆของพรรคอนาคตใหม่ , กลุ่มที่สอง คือกลุ่มที่กลางๆ รับไม่ได้กับการรณรงค์ไม่ให้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องผิดหลักการของสังคม
ทั้งนี้ “สนธิญาณ”ยังกล่าวต่อด้วยว่า นายวรวุฒิอาจจะมีข้ออ้างว่าไม่รู้ แต่ไม่ได้! เดินลงสู่ทิศทางทางการเมือง กระโดด เข้ามาตั้งพรรคเป็นแกนนำ แสดงออกทางการเมืองแบบนี้ มีแต่เสียหายกับเสียหาย เพราะข้อเท็จจริงของพรรคอนาคตใหม่มีหลักฐานปรากฎชัดว่า มีการกู้ยืมเงินกันจริง แต่จะเข้าข่ายผิดหรือไม่นั้น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะวินิจฉัย การออกมาชี้ล่วงหน้าว่า ผิดไม่ได้ ยุบไม่ได้ แบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน
เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ความตั้งใจดีของอดีตนักการเมืองคุณภาพสองคน นายกรณ์ จาติกวณิช และ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี วันนี้ต้องถูกตั้งคำถาม ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง2ท่าน มีบทบาทโดดเด่นในพรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่ลืมว่าพรรคประชาธิปัตย์มากมายไปด้วยผู้มีประสบการณ์การเมืองห่อหุ้มการเคลื่อนไหวของทั้ง 2 ท่านเอาไว้ วันนี้ทั้งสองท่านออกมายืนแถวหน้า เป็นผู้นำ ประสบการณ์บางเรื่องอาจจะไม่เคยเจอ จึงเจอครั้งแรกก็หนักเสียแล้ว
การทำพรรคการเมืองไม่ใช่แค่การสร้างกระแสผ่านโซเชียลแล้วมาบอกว่ามีคนมากมายหลากหลายมาร่วมกันตั้งชื่อ มีคนมากมายมาร่วมกันทำงานกับพรรคกล้า เพราะข้อเท็จจริงนั้น พรรคการเมืองตั้งเริ่มขึ้นด้วยอุดมการณ์ คำประกาศในหลักปฏิบัตินิยมไม่ใช่อุดมการณ์ พรรคการเมืองต้องมีทิศทางของอุดมการณ์ชัดเจน พรรคกล้าจะเดินตามรอยพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ ในแง่ของกระแสโซเชียล แต่ถ้าใช่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง เพราะพรรคอนาคตใหม่เริ่มต้นด้วยการประกาศอุดมการณ์ของตัวเองชัดเจนต่อต้านกองทัพ ต่อต้านศาล เพราะกองทัพกับศาลรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ นั้นคือทิศทางทางการเมืองของเขา ต่อสู้กับทุนนิยมผูกขาด จากอุดมการณ์ดังกล่าวพรรคอนาคตใหม่ ก็ลงพื้นที่ สู่กลุ่มคนต่างๆ ทำงานในเชิงลึกกับกลุ่มคนมานานพอสมควรถึงมีการประกาศตัวออกสู่สาธารณะและประสบความสำเร็จ
“หวังว่าบทเรียนแรกที่ นายกรณ์ จาติกวณิช และ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดีเจออยู่นี้จะสามารถฝ่าฟันกระแสไปได้ อย่าแท้งเสียก่อนเกิด ยังให้กำลังใจนักการเมืองที่ดี มีคุณภาพอยู่”..”สนธิญาณ” กล่าวปิดท้าย