จากที่วันนี้(22มิ.ย.63) นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้พูดถึงภารกิจ2475 อีกครั้งโดยมีข้อมูลพยายามอธิบายถึงเรื่องราวในครั้งนั้น ถึงข้อเท็จจริงอีกด้านที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง!?!
ทั้งนี้หมอวรงค์ ได้โพสต์ข้อความล่าสุดว่า ภารกิจ2475 มีแต่พวกชังชาติที่ยังไม่จบ
“ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใดคณะใดโดยเฉพาะ เพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
นี่คือพระราชหัตถเลขาของในหลวงรัชกาลที่ 7 ที่สะท้อนให้เห็นว่า พระองค์ได้สละอำนาจของพระองค์ ให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง พยายามที่จะสร้างกระแสว่าการปฏิวัติ 2475 ยังไม่จบ ประกอบกับพฤติกรรมจาบจ้างต่างกรรม ต่างวาระ รวมทั้งการที่ต้องการให้ยกเลิกมาตรา112 จึงทำให้ตีความได้ว่า ภารกิจ2475 ยังไม่จบ นั่นคือความพยายามปลุกกระแส ล้มล้างสถาบันเบื้องสูง
สิ่งที่คนกลุ่มนี้ อาจจะลืมไปหรือไม่ได้ศึกษานั่นคือ รากเหง้าที่มาที่ไปของประเทศไทยนั้น มีความเป็นมาอย่างไรอย่าลืมว่าประเทศไทย ไม่ใช่เริ่มต้นเมื่อ 2475 แต่มีพัฒนาการมาร่วม 800 ปี นับ ตั้งแต่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ขับไล่ขอมของอาณาจักรละโว้ ออกจากสุโขทัย ตั้งแต่ปีพ.ศ.1792 และสถาปนากรุงสุโขทัยขึ้นมา และพัฒนาการเรื่อยมา
รวมทั้งการประกาศเอกราชครั้งที่หนึ่ง โดยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ.2127 และการรวบรวมอาณาจักรไทยให้เป็นปึกแผ่นหลังเสียกรุงครั้งที่สอง ในปี พ.ศ.2310 ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือแม้แต่การเสด็จประพาสยุโรปของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เพื่อสร้างพันธมิตรในช่วงยุคล่าอาณานิคม
นี่คือประวัติศาสตร์การสร้างชาติ การต่อสู้ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงเวลาตลอดเกือบ 800 ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ประชาชนชาวไทยมีความผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน
ที่สำคัญสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกยุคทุกสมัย ไม่มีประวัติของการกดขี่ข่มเหงรังแกประชาชน เหมือนบางประเทศ มีแต่ดูแลทุกข์สุขของประชาชน จึงเปรียบได้กับพ่อปกครองลูก ไม่แปลกที่สังคมไทยจะนับถือพระมหากษัตริย์ คือพ่อของแผ่นดิน และเป็นศูนย์รวมทางจิตวิญญาณของชาติ
ดังนั้นเหตุการณ์ 2475 จึงเป็นจุดเปลี่ยนผ่าน ของกระแสสังคมในช่วงหนึ่งของไทย เป็นการปรับเปลี่ยนระบบการปกครอง ให้รับกับกระแสประชาธิปไตยของโลกที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 7 แม้พระองค์จะถูกแย่งชิงจากชนชั้นนำที่เรียกคณะราษฎร ร่วมกับผู้นำกองทัพในขณะนั้น แต่พระองค์ได้ทรงเตรียมไว้แล้ว จึงยอมให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ สันติ ไม่มีการรบราฆ่าฟันเหมือนบางประเทศ
การที่มีนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง พยายามสร้างกระแสว่า ภารกิจ2475 ยังไม่เสร็จสิ้น ให้ยกเลิกมาตรา 112 จึงเป็นความพยายามสร้างกระแสเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย ที่ลืมรากความเป็นมาของชาติ และไม่ใช่วิถีไทย ที่เป็นอัตลักษณ์ของประเทศ ซึ่งไม่มีทางที่คนไทยจะยอมให้เกิดขึ้น
หยุดจมปลักบิดเบือนอดีต หวังสร้างความเกลียดชัง ควรที่จะช่วยกันทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า เพื่อความเจริญของประเทศ ความอยู่ดีกินดี และความผาสุกของประชาชน ดังนั้นภารกิจ 2475จึงจบแล้ว เหลือแต่พวกชังชาติเท่านั้นที่ยังไม่จบ
#save112
ที่มา : เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom