จากกรณีที่ ร.ต.อ.วิโรจน์ สุชาติ รองสว.(สอบสวน) สน.ลาดพร้าว ได้เปิดเผยหลังเดินทางไปสอบสวนเหตุหญิงเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 128 หมู่บ้านเสนาวิลล่า 88 แยก 7 ถนนแฮปปี้แลนด์สายเก่า แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนั้น
ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นางสาวพิมชฎาพร ภูแย้มไสย์ อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิตบนโซฟามีผ้าคลุมอยู่ สวมชุดนอนสีน้ำเงิน นอนหงายจมกองเลือด บริเวณศีรษะด้านซ้าย มีรอยกระสุนปืนขนาด .45 ออโต้กระสุนฝังใน ภายในบ้านไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ขณะที่ทางด้านร.ต.อ.ทรงกลด บุญส่ง รองสว.(สืบสวน) สน.วังทองหลาง ผู้แจ้งเหตุให้การว่า นอนอยู่ที่ห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ลงมาดูเห็นแฟนยิงตัวตายแล้ว จึงรีบแจ้งตำรวจท้องที่ทันที
ทั้งนี้ทางด้านน.ส.พนิตา บุญโชติ อายุ 31 ปี ลูกพี่ลูกน้องคนตายให้การว่า ผู้ตายมีลูกผู้หญิง อายุ 4 ขวบกับนายตำรวจคนดังกล่าว โดยคบกันมาหลายปี และแม่ของตำรวจเป็นคนซื้อบ้านหลังเกิดเหตุให้ได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีปัญหาทะเลาะกันเรื่อยมาถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย ผู้ตายเคยถูกนายตำรวจรายนี้เอาปืนจ่อหัว ทำร้ายจนสลบ แต่ผู้ตายก็กลับมาหาทุกครั้ง เพราะสงสารลูกสาว
ก่อนเกิดเหตุทางผู้ตายไม่มีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า มีอาการปกติทุกอย่าง ก่อนหน้านี้ยังโพสต์ขายเสื้อผ้าออนไลน์มีเพจในเฟซบุ๊ก และพูดคุยกับทางญาติ น้ำเสียงปกติดี ได้บอกกับญาติว่าวันหยุดจะพาลูกสาวไปเที่ยวอีกด้วย
สำหรับประเด็นนี้ ยังมีข้อกังขาและข้อคาใจหลายเรื่อง ที่โซเชียลตั้งข้อสังเกตว่า ฝ่ายหญิงไม่น่าคิดสั้นยิงตัวเองตาย ในเมื่อมีลูกสาวต้องดูแล
– ญาติผู้ตาย เปิดเผยว่า “พิมชฎาพร” มีลูกกับนายตำรวจคนดังกล่าว ทั้งคู่ทะเลาะกันประจำ ถึงขั้นลงไม้ลงมือ เคยถูกนายตำรวจใช้ปืนจ่อหัว และทำร้ายจนสลบ
– ผู้ตายไม่มีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า มีอาการปกติทุกอย่าง
– ผู้ตายยังถนัดมือขวา จึงไม่น่าจะใช้มือซ้ายยิงตัวตายได้ ทางญาติจึงติดใจการเสียชีวิต
– ในตอนเกิดเหตุ ก็มีการเรียกเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบ แล้วจึงค่อยเรียกมูลนิธิมาเก็บศพ ซึ่งมีการเอาผ้าห่มห่อร่างไว้ที่โซฟาของตัวบ้านแล้วให้ยกไปโรงพักทันที
– คำให้การของนายตำรวจคนดังกล่าว ให้การว่าได้ยินเสียงปืนดัง ก่อนจะเจอภรรยาเสียชีวิต
อย่างไรก็ตามทางสน.ลาดพร้าว ได้นำเครื่องวัดแอลกอฮอล์ มาวัดนายตำรวจคนดังกล่าวแล้ว อยู่ะระหว่างรอผลเพื่อตรวจร่างกายใช้ในการประกอบสำนวนคดี ส่วนทางด้านร่างของผู้เสียชีวิตจะนำศพไปผ่าพิสูจน์การเสียชีวิตที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจอีกครั้ง เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป