รศ.นพ.จุฬาฯเผยต่างชาติ2.3หมื่นขอเข้าไทย แฉเคยมีคนชงโมเดลรับนทท.โดนไม่ต้องกักกัน?

0

จากที่วันนี้(20 มิ.ย.63) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโควิดในประเทศไทย และการจะเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา รวมทั้งมาตรการที่ต้องช่วยกันต่อไปนั้น

วันนี้รัฐรายงานเคสใหม่ 1 ราย กลับมาจากตะวันออกกลาง รวมแล้วไทยเรามีเคสติดเชื้อสะสม 3,147 คน มีคนยังรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่แปดสิบกว่าคน เมื่อวาน รับทราบข้อมูลว่า มีการผลักดันกัน จนอีกราว 2-3 เดือนจึงอาจจะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา

ในช่วงระหว่างนี้ จะเกิดเหตุการณ์สำคัญที่ประชาชนชาวไทยจำเป็นต้องได้รับรู้ และเตรียมตัว ดังต่อไปนี้ ต้นเดือนกรกฎาคม เปิดโรงเรียน และอาจมีการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ขณะเดียวกัน มีตัวเลขคนต่างชาติที่ลงทะเบียนจะขอเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมากถึง 23,000 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม

หนึ่ง นักธุรกิจ นักลงทุน ประมาณ 670 คน สอง ผู้เชี่ยวชาญ แรงงานฝีมือ ราว 22,000 คน และสาม คนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้พำนักในประเทศไทย อีกจำนวนหนึ่ง รัฐมีความคิดที่จะเปิดให้กลุ่มข้างต้นทยอยเข้ามา หากระยะดังกล่าวไม่เกิดปัญหา จึงจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวตามแบบแนวคิดฟองสบู่

ที่เล่ามานี้…จะเห็นได้ว่า ความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ หากมีไวรัสอยู่ทั้งในประเทศ หรือมาจากต่างชาติ จะมีมากขึ้นเรื่อยๆอย่าลืมว่า ประเทศอื่นๆ ที่เคยมีเคสเป็นศูนย์ติดต่อกันหลายสัปดาห์ นานกว่าไทย ก็กลับมามีเคสติดเชื้อใหม่ ทั้งจีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น

ความสำคัญจึงอยู่ที่…1. การ์ดของคนไทยต้องเข้มแข็งเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อ หากเกิดมีเคสติดเชื้อขึ้นในประเทศ

2. กล่องดวงใจของชุดมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่รัฐมีคือ

2.1 State quarantine และ Alternative state quarantine จำเป็นต้องเตรียมรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เคร่งครัด เข้มงวด อย่างต่อเนื่อง หากจะปรับกระบวนการและสถานที่ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายนั้นก็อาจทำได้ แต่ต้องยังคงมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคและติดตามได้ ไม่หลุด

2.2 กลไกบริหารจัดการกลาง ที่เราทำมาตั้งแต่การระบาดระลอกแรก แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ ลดทอนอำนาจการเมืองในการมามีอิทธิพล เราจะเห็นว่า หลายแนวทางเคยถูกชงมา มีโอกาสเกิดความเสี่ยงมาก จึงถูกกลั่นกรองและตีตกไปโดยกลไกตรวจสอบและตัดสินใจส่วนกลาง เราจึงยังอยู่รอด มั่นคง ปลอดภัยมาได้

ตัวอย่างที่เห็นเช่น การชงโมเดลการปลดล็อค การชงโมเดลเอานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแบบไม่กักกัน…ประมาณ “ฉันเชื่อใจเธอ เธอเชื่อใจฉัน เราไม่กักกัน”…ที่เรารับรู้แล้วหลายต่อหลายคนคงคิดเหมือนกันว่า เอาสมองส่วนไหนมาคิดและเอาหัวใจของใครมากลั่นกรอง

ดังนั้น กลไกการบริหารจัดการกลางจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และต้องดำเนินไปอย่างเข้มข้น ไม่สั่นคลอน ตราบใดที่โรคนี้ยังมีอยู่ทั่วโลก ยังไม่มียามาตรฐาน ไม่มีวัคซีนป้องกัน 2.3 การสั่งการ บังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเข้าออกประเทศนั้น จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพ

ชั่งใจให้ดีว่า ตัวบทกฎหมายใดจำเป็นต้องมี หากไม่มีแล้วจะทำให้การสั่งการเรื่องนี้ทำได้ยาก สามเรื่องนี้คือกล่องดวงใจ ที่ทำให้เราสำเร็จในการควบคุมป้องกันโรคระบาดระลอกแรกมาจนถึงบัดนี้ วิกฤติของชาติ…สวัสดิภาพความปลอดภัยของชีวิตทุกคน ต้องเลือกใช้นโยบาย และมาตรการที่ถูกต้องเหมาะสม

ใช้ชีวิตอย่างมีสติ…ไม่ประมาท การ์ดต้องยกขึ้นอย่างพร้อมเพรียงมากกว่านี้ ตอนนี้เห็นการ์ดตกกันไปพอสมควร ไม่มีเคสในประเทศ ไม่ได้แปลว่าประเทศไม่มีไวรัสเหลืออยู่ ใส่หน้ากากเสมอ…ล้างมือบ่อยๆ…อยู่ห่างคนอื่นอย่างน้อย 1 เมตร พูดน้อยลง…พบปะคนน้อยลงสั้นลง… เลี่ยงที่อโคจร…และหมั่นสังเกตอาการตนเองและครอบครัว…ประเทศไทยต้องทำได้…สู้ๆ ครับ

ที่มา : เฟซบุ๊กThira Woratanarat