จากกรณีข่าวสะเทือนใจวงการบันเทิง เมื่อต้องสูญเสียอดีตพระเอกชื่อดัง นักแสดง และผู้กำกับคนเก่ง สำหรับ “ตั้ว ศรัณยู” ที่เสียชีวิตในวัย 59 ปี ด้วยโรคมะเร็งตับ ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว และเพื่อนร่วมวงการ ต่อมา “เปิ้ล หัทยา” ภรรยาของอีตนักแสดงชื่อดัง ผู้ล่วงลับ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงช่วงเวลาแห่งความทรงจำกับสามี ก่อนจะต้องจากกัน พร้อมทั้งให้คำมั่นสัญญาว่านับจากนี้ไปจะดูแลครอบครัวให้ดีที่สุด
ทั้งนี้ “เปิ้ล หัทยา” ได้โพสต์ข้อความสุดซึ้ง ก่อนที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพ “ตั้ว ศรัณยู” ในเวลา 16.00 น. โดยเขียนบรรยายข้อความว่า “จากกันแค่ร่างกาย ความรักมิได้หายไปไหน” พร้อมทั้งเปิดใจกับสื่อมวลชน โดยมี “เอก ธเนศ” มาด้วย โดยได้กล่าวขอบคุณ บออกว่าก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมา ตั้วมีคนรักเขามากมาย เชื่อว่าเขารับรู้แน่นอน ทางด้านเปิ้ล ก็เล่าว่า วันนี้จะเป็นการทำพิธีพระราชเพลิงศพ จะมีผู้แทนพระองค์เดินทางมา ซาบซึ้งมาก เป็นเกียรติแก่พี่ตั้วและครอบครัวเรา ปกติพี่ตั้วเขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยเล่นโซเชียล แต่พอเขาจากไป งานที่เขาทำ มันทำให้ทุกคนยังนึกถึง เพื่อนเขามาเยอะมาก น้อง ๆ ในวงการบันเทิง เหมือนเขาไม่ได้จากไปไหน วันนี้เขาจะมาร้องเพลงในงานให้พี่ตั้วฟังด้วย สำหรับของที่ระลึกในงานศพนั้น ด้วยความที่พี่ตั้วเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ เลยอยากให้ทำหนังสือเป็นที่ระลึก เรายังคิดอยู่ว่าจะทำของที่ระลึกทันมั้ย จนปาฏิหาริย์มีจริง หนังสือส่งต้นฉบับไปทัน และมาส่งเมื่อคืนนี้เอง เวลาที่เขาเขียนอะไรก็ตาม ข้อความ หรือเขียนอะไรถึงลูก เขาชอบงานกวี เลยคิดว่าจะทำหนังสือรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ที่พี่ตั้วชอบ เป็นของที่ระลึก
ล่าสุดได้มีการเปิดเผยข้อความในหนังสือประวัติของตั้ว ศรันยู ซึ่งเป็นของที่ระลึกในงานศพ แจกให้กับแขกที่มาร่วมงาน โดยในหนังสือจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่เมื่อครั้งยังตั้วยังเด็ก ไล่เรียงมาถึงผลงานในวงการบันเทิง รวมทั้งชีวิตครอบครัว และถ้อยคำอาลัยของบุคคลต่าง ๆ ที่เขียนถึงตั้ว
สำหรับ “เปิ้ล หัทยา” ได้เขียนข้อความอาลัย ระบุว่า “ถ้าจะให้เขียนถึงพี่ตั้วในช่วงเวลานี้ คงมีแต่น้ำตาหยดออกมาเป็นตัวหนังสือ เพราะเรามีเรื่องราวมากมายที่ผ่านมาด้วยกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ได้คำตอบชัดเจนเสมอเวลาที่ถามพี่ตั้วว่า… อะไรสำคัญที่สุดในชีวิต พี่ตั้วตอบหมือนเดิมทุกครั้ง คำตอบนั้นคือ “ความรัก” แล้วก็จะคอยอธิบายให้ฟังว่า ถ้าเราทำทุกอย่างด้วยความรัก ด้วยความรู้สึกรัก เราจะเกิดพลัง มีความหวัง และตั้งใจ ถ้ามันไม่ใช่ เราก็จะไม่เสียใจเพราะเราทำมันไปด้วยใจรัก ในชีวิตพี่ตั้ว จึงทุ่มเทเรื่องการแสดง เพราะพี่ตั้วรักการแสดงมากถึงมากที่สุด และเมื่อรักมากจึงใส่ใจในส่วนสำคัญของการแสดงนั่นก็คือ “เรื่องบท” เปิ้ลเห็นพี่ตั้วอ่านบทช้ำแล้วซ้ำเล่า จึงเข้าใจเลยว่ามันมาจากความรัก จริงๆ และเมื่อเป็นผู้กำกับก็ยิ่งลงลึกในรายละเอียดแบบถี่ยิบ
ในชีวิตพี่ตั้วจึงมักจะบอกกับเปิ้ลว่ามีอาชีพเดียวที่รักมาก คือ “การแสดง” เท่านั้น และเพราะความรักจึงทำให้เรื่องยากๆ ในครอบครัวกลายเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะพี่ตั้วบอกเสมอว่าเรื่องครอบครัวต้องใช้ความอดทน และความอดทนเป็นส่วนหนึ่งของความรัก ไม่เข้าใจอะไรกันต้องทนที่จะฟังและพูดกันให้เข้าใจให้กระจ่าง ถ้าเป็นเรื่องของคนสองคนคือพี่ตั้วกับเปิ้ล คนสองคนก็ต้องนั่งคุยกันแค่สองคนให้รู้เรื่องชัดเจน แต่ถ้าเป็นเรื่องของลูก คือ หนุง-หนัง ก็ต้องมาฟังด้วยกันหมด พูดคุย แสดงความคิดเห็น แก้ปัญหา ปรับทัศนคติโดยใช้ความรักที่มีให้กันเป็นตัวเชื่อม ไม่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ เปิ้ลจึงรู้สึกอุ่นใจเสมอที่มีพี่เป็นผู้นำในครอบครัว
ตลอดเวลาที่รู้จักและใช้ชีวิตด้วยกันมา เรื่องหนักๆในครอบครัวก็ผ่านไปได้เสมอทุกครั้ง เพราะเราเชื่อในความรักที่มีให้กัน แม้วันนี้ พี่ตั้วจากไปเพียงร่างกาย ไม่ได้หมายความว่าสิ่งดีๆ ที่พี่ตั้วบอกไว้จะจากไปด้วย เพราะจวบจนก่อนพี่ตั้วจะหมดลมหายใจ พี่ตั้วยังเรียกเปิ้ลมาบอกว่า เปิ้ลต้องทำความฝันที่อยากทำให้ได้ แม้มันจะยากแค่ไหน ลำบากยังไงก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด สนับสนุนความฝันของลูกด้วย… อย่าลืมว่าต้องทำทุกอย่างด้วยความรู้สึก “รัก”
พี่ตั้วคะ ความรักที่มีอยู่จะไม่มีวันหายไปไหนค่ะ เหมือนกับเพลงที่พี่ตั้วชอบ “…จะรัก รักเธอตลอดไป เป็นลมหายใจของกันและกัน” การเขียนถึงพี่ตั้วครั้งนี้ คงยังไม่จบครบความในใจของเปิ้ลทั้งหมดหรอก เอาแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ แล้วเปิ้ลจะค่อยๆ เขียนถึงพี่เองทุกๆ วัน ให้เหมือนว่าพี่ยังมีชีวิตอยู่ใกล้ๆ เรา…รัก ไม่มีวันตาย แม้ลมหายใจจะหมดไป”
ส่วนทางด้านของน้องหนุน ศุภรา วงษ์กระจ่าง เขียนถึงคุณพ่อว่า “ยากมากเลยนะที่จะเขียนความรู้สึกถึงพ่อเพียงในเวลาไม่กี่วันที่พ่อจากไป… เพราะความรู้สึกที่มีให้พ่อนั้น ล้นหลามเหลือเกินและไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่เปิดตาออกมามองดูโลก ไม่มีวันไหนเลยที่เราจะห่างกัน เราเจอหน้ากัน โทรคุยกันเกือบทุกวัน อบอุ่นใจทุกครั้งเวลาที่ได้ยินเสียงของพ่อ ไม่มีครั้งไหนเลยที่พ่อไม่รับสายลูก เรากอดกันในทุก ๆ เช้าและก่อนนอน บีบมือกันและกันในวันที่เราต่างต้องการกำลังใจ แต่หลังจากนี้นึกไม่ออกเลยว่าจะต้องทำยังไง คงจะเป็นอะไรที่ยากและแปลกในการที่ไม่มีพ่ออยู่ตรงนี้ พ่อจ๋า…ลูกดีใจและภูมิใจมากที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ พ่อผู้เป็นนักสู้คนนี้ สู้ในทุกๆ เรื่องและสู้มาตลอด สู้กับการทำงาน กับเรื่องสุขภาพ และสู้เพื่อครอบครัว ไม่เคยได้ยินคำว่าเหนื่อยออกมาจากปากพ่อเลยสักครั้งจะทำงานหนักแต่ไหน พ่อก็มีรอยยิ้มให้ลูกได้เสมอ ขอบคุณนะคะพ่อที่เหนื่อยเพื่อลูกมาตลอด หลังจากนี้ลูกจะสู้ให้ได้เท่าพ่อ จะดูแลแม่และน้องหนังอย่างดีที่สุดที่จะทำได้ ขอบคุณทุกๆ คำสอนที่พ่อให้ ทุกๆ ความเข้าใจที่มีให้กัน ไม่มีวันไหนที่พ่อละเลยความรู้สึกของลูกเลย ลูกดีใจที่สุดที่ก่อนจากลา ลูกได้ร้องเพลงให้พ่อฟังและมีของขวัญที่พ่อรอคอยมาโดยตลอด นั่นก็คือการเรียนจบของลูก
ถึงแม้พ่อจะไม่มีโอกาสมางานรับปริญญา แต่ลูกก็แอบเห็นแววตาแห่งความสุข ความชื่นชมที่พ่อมีให้ลูก พ่อจ๋าไม่ว่าพ่อจะอยู่แห่งไหน จะอยู่ใกล้หรือไกล พ่อจะอยู่ทุก ๆ แห่ง และจะอยู่ในหัวใจของลูกเสมอ รักและคิดถึงพ่อสุดหัวใจ
Papa, you’re my hero and my everything. จาก ขนุนน้อยของพ่อตั้ว”
สำหรับคนสุดท้ายในครอบครัวของน้องหนัง ศิตลา วงษ์กระจ่าง เขียนบรรยายทุกความรู้สึก บอกว่า “พ่อจ๋า ไม่ไปได้ไหมพ่อ.. ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี หนูนอนห้องเดียวกัน นอนกอด นอนจับมือข้างๆ กับพ่อมาตลอดวันนี้ไม่มีคนนอนข้างๆ หนูแล้ว กลิ่นผ้าห่มที่พ่อใช้ ทุกอย่างมันยังอยู่ที่เดิม…แต่หนูเหงา อยากกอด อยากบอกกู๊ดไนท์พ่อของหนู อยากบอกรักกันก่อนนอนเหมือนที่เคยทำทุกวัน… “แม้แต่วันจะลาไป ตั้วก็ไปแบบพระเอก ไปแบบไม่ให้ไครเดือดร้อน ไปแบบไม่ให้ใครตั้งตัว ไปแบบพระเอกที่เคยช่วยนางเอก แล้วตอน จบก็ขี่ม้าออกไปจากหมู่บ้านไปอย่างมีความสุข” – ประภาส ชลศรานนท์ วันที่พ่อเจ็บ พ่อเลือกที่จะไม่บอกใคร พ่อน่ะ เป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอ พ่อไม่อยากให้ใครมาสนใจ COVID-19 ก็ให้ความลำบากมากแล้วกับสังคม พ่อคิดว่าไม่อยากให้เรื่องของคนธรรมดาแบบพ่อไปเป็นเรื่องให้ใครต้องห่วง แม้กระทั่งคนในครอบครัว พ่อก็ไม่อยากให้ลูกหรือใครเป็นห่วง พ่อไม่อยากให้ลูกต้องเป็นทุกข์
พ่อเลยสู้คนเดียวมาตลอด เพราะพ่อคือนักสู้ และ พระเอกทั้งในจอและนอกจอ พ่อรู้ไหมว่าลูกภูมิใจแค่ไหนที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ หนูมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับพ่อ เราไม่เคยต้องจากกันแม้ว่าหนูจะอยู่เกาหลี พ่อก็ยังหาเวลาพยายามโทรคุยกันตลอด พ่อทำให้หนูรู้สึกว่าเราไม่เคยห่างกัน ทำให้หนูไม่รู้สึกขาดอะไรในชีวิตเลย
หนูรู้ว่าบางครั้งเราก็มีทะเลาะกัน มีปากมีเสียงกัน แต่หนูรักพ่อมากๆ นะคะ รักที่สุดในหัวใจที่มี
พ่อเคยถามว่าหนูภูมิใจไหมที่ได้เป็นลูกพ่อ? คำตอบของหนูก็ยังเหมือนเดิม “หนูภูมิใจ ไม่มีวันไหนที่หนูไม่ภูมิใจเลย”
หนูเสียใจและโกรธตัวเองมาก ตอนที่รู้ว่าพ่อต้องสู้โรคร้ายคนเดียว พ่อบอกคุณหมอเสมอว่าพ่ออยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม อยากทำงาน อยากทำตามความฝันของครอบครัว… แต่ร่างกายพ่อไม่ไหวแล้ว…. พ่อไม่อยากเห็นหนูร้องไห้ แต่หนูยอมรับว่ามันยากมากที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา… มันมีบางครั้งที่หนูรู้สึกเห็นแก่ตัว อยากจะยื้อพ่อไว้ ทั้งๆ ที่พ่อต้องทนความเจ็บปวด พยายามอ้อนวอนให้พ่อสู้ ทั้งๆ ที่พ่อควรจะได้ไปสบาย…
พ่อสู้ สู้จนวินาทีสุดท้าย แต่พ่อไม่ต้องสู้แล้วนะคะพ่อ พ่อสู้มาเยอะแล้ว พ่อควรพักแล้ว…
แค่ดูหนูจากบนฟ้อย่างไม่ห่วง ดูความสำเร็จที่หนูจะทำ ไม่ต้องกังวลแล้วนะคะ พ่อไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะพ่อ พ่อเหนื่อยมามากแล้ว หนูอยากบอกพ่อว่าหนูดีใจมากมาก ที่ได้เกิดเป็นลูกพ่อ พ่อคือ my hero พ่อคือทุกอย่าง พ่อคือเพื่อน คือครู คือพลังที่ทำให้หนูสู้ ให้หนูมีวันนี้ แม่ถามพ่อเสมอว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต พ่อตอบว่า “ความรัก” พ่อบอกหนูเสมอว่า ถ้าเราทำอะไรด้วยความรัก ถ้ามันไม่ใช่ เราก็จะไม่เสียใจ
เพราะเราทำมันด้วยความรัก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่…
หนูภูมิใจในความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อ พ่อรักครอบครัว รักเพื่อน รักงาน รักชาติ รักศาสนา และรักพระมหากษัตริย์ หนูสัญญาว่าหนูจะ เข้มแข็ง ทำในสิ่งที่รัก รักครอบครัว รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์ แบบที่พ่อสอนหนูมาตลอดนะคะ หนูมีอะไรอยากพูดกับพ่อเยอะแยะมากมายเลย พ่อคงได้ยินและรับรู้อยู่ตอนนี้ใช่ไหมคะ? พ่อมาหาหนูบ้างนะ หนูคิดถึง I love you forever papa. ลูกหนัง”