จากกรณีที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั่วโลกต่างจับตามอง เมื่อเกาหลีเหนือ ได้ทำการระเบิดสำนักงานประสานงานเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ บริเวณนิคมอุตสาหกรรมแกซองทิ้งแบบไม่เหลือซาก ต่อเนื่องจากประเด็นที่รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่ยอมหยุดกลุ่มเคลื่อนไหว ให้เข้ามาทำการโปรยใบปลิวโจมตีเกาหลีเหนือที่กรุงเปียงยาง ส่งผลให้เกาหลีเหนือ ที่นำโดย “คิมโยจอง “ น้องสาวของ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ประกาศว่าเกาหลีใต้ เป็น “ศัตรู” สร้างความตรึงเครียดอย่างมากให้กับสถานการณ์ตอนนี้
ท่ามกลางการจับตามองของสื่อทั่วโลก ที่ตั้งข้อสังเกตว่า เหตใด ผู้นำเกาหลีเหนือ “นายคิม จอง-อึน” ยังไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมานานกว่า 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นางสาว “คิม โย-จอง” ผู้เป็นน้องสาวมีบทบาทนำในการจัดการความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ ด้วยการระเบิดสำนักงานประสานงานกับเกาหลีใต้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จับตาระทึกสงครามใหญ่? เปิดประวัติ “คิมโยจอง” น้องสาว “คิมจองอึน” ผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการถล่มสำนักงานเกาหลีใต้ เส้นทางชีวิตหญิงเล็กของบ้าน แต่โหดสุด
ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการเปิดภาพวินาทีที่ระเบิดของฝั่งเกาหลีเหนือ เข้าถล่มอาคารสำนักงานเกาหลีใต้ออกมาให้ได้เห็นกันแบบชัด ๆ สร้างความตกตะลึงไม่น้อยกับประชากรทั่วโลก เพราะต่างมองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะนำไปสู่ความเลวร้ายหรือไม่ และความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ จะจบลงอย่างไร อีกทั้งใคร…ที่จะได้ผลประโยชน์ในครั้งนี้ มีการตั้งคำถามว่า หมากต่อไปของ “คิมโยจอง” จะทำยังไง
ล่าสุดทางด้านนักวิเคราะห์ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ดังกล่าว ว่าการสั่งระเบิดอาคารครั้งนี้ จะสะบั้นสัมพันธ์ 2 เกาหลี เพื่อกดดันเจรจาสหรัฐฯ เรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกา หรือไม่ และทำไมต้องเป็นสำนักงานหลังดังกล่าว
อาคารหลังนี้มีความสำคัญอย่างไรต่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เกาหลี ?
-เมื่อปี 2559 นิคมอุตสาหกรรมแกซอง จ้างงานชาวเกาหลีเหนือหลายหมื่นคนปิดตัวลง จากความตึงเครียดระหว่าง 2 เกาหลีที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
-ปี 2561 คิม จอง-อึน และมูน แจ-อิน พลิกหน้าประวัติศาสตร์ หลังจากที่ตึงเครียดกันมานาน ด้วยการกลับมาเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำ 2 เกาหลีอีกครั้ง และนำมาซึ่งการจัดตั้งสำนักงานประสานงานร่วมระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ซึ่งมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ปีเดียวกัน
ตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค.2563 สำนักงานดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าประจำการ เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือตัดโทรศัพท์สายตรงระหว่าง 2 ผู้นำและกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ ก่อนที่จะยกระดับความขัดแย้งให้ตึงเครียดมากขึ้น
อาคารสำนักงานประสานงานแห่งนี้ คือการร่วมมือระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เป็นอาคารสูง 4 ชั้น สร้างขึ้นด้วยงบประมาณของเกาหลีใต้ แต่มาตั้งอยู่บนแผ่นดินของเกาหลีเหนือ
ชั้นที่ 2 เป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้
ส่วนชั้น 4 เป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ
และพื้นที่ส่วนที่เหลือเป็นห้องประชุมร่วมกัน อาคารแห่งนี้ทั้งสองเกาหลีใช้สื่อสารกันอย่างเปิดกว้างให้ติดต่อกันได้ตลอดเวลา โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ฝั่งละประมาณ 20 คน เปิดทำการวันธรรมดา 5 วัน
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า การระเบิดอาคารทิ้งนั้น นอกจากฝั่งเกาหลีเหนือจะไม่พอใจจากกรณีที่เกาหลีใต้ปล่อยให้ชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์ ส่งใบปลิวเข้ามาโจมตีในฝั่งเกาหลีเหนือแล้ว ยังเป็นการกดดันให้เกาหลีใต้ร่วมมือผลักดันการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างเกาหลีเหนือ กับสหรัฐอเมริกา หลังเกาหลีเหนือล้มเหลวจากการหารือเมื่อตอนต้นปี 2562 นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังสามารถนำสถานการณ์ตึงเครียดดังกล่าว ไปโฆษณากับประชากรในประเทศได้ด้วย
ภาพจาก NORTH KOREA NOW
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ คือการเดินหมากของ “คิมโยจอง” ว่าจะจบแค่นี้ หรือทำเพื่อขู่สหรัฐอเมริกาทางอ้อม เพราะต้องการให้สหรัฐอเมริกาเร่งเดินหน้าเจรจาเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์ หากยังมัวรอช้า เลื่อนการหารือไปเรื่อย ๆ ก็จะยิ่งส่งผลเสียให้พันธมิตรสำคัญอย่างเกาหลีใต้ต้องเดือดร้อน