จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบ หลายบริษัทต้องปิดตัวลง รวมทั้งมีการลดจำนวนพนักงาน ปรับลดเงินเดือน สวัสดิการต่าง ๆ เพื่อประคองให้อยู่รอดในสภาวะเช่นนี้ อย่างล่าสุด “แกร็บ” ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ที่้ต้องลดจำนวนพนักงาน ประกาศเลิกจ้างประมาณ 5 % แม้จะเป็นตัวเลขที่น้อย แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า ขนาดธุรกิจขนาดใหญ่ยังแบกรับภาระไม่ไหว
โดยมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา นายแอนโทนี ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง แกร็บ Grab แอปพลิเคชันบริการขนส่ง ได้ส่งจดหมายถึงพนักงานที่มีประจำอยู่ในออฟฟิศ 8 ประเทศเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย ระบุจากวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19
แกร็บจําเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน 5% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด หรือคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 360 คน (รวมทุกประเทศ) โดยที่ผ่านมาได้พยายามทุกทางที่จะรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงการเลิกจ้าง โดยการตัดสินใจครั้งนี้ต้องแลกมากับความพยายามในการประคับประคองธุรกิจเพื่อให้ดำเนินชีวิตต่อไปได้ในวิถีแบบ New Normal
นับตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินมาตรการหลายอย่าง เช่น การทบทวนค่าใช้จ่าย การตัดงบประมาณ รวมถึงการลดค่าตอบแทนของผู้บริหาร แต่ก็ยังมีความจำเป็นต้องปรับขนาดองค์กรให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ยังเตรียมปิดตัวโครงการต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก และควบรวมหน่วยงานภายในเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทํางานที่ดีขึ้น นำไปสู่การปรับขนาดทีมงานให้เหมาะสม
อย่างไรก็ตามแกร็บได้เทน้ำหนักให้ความสำคัญกับธุรกิจเดลิเวอรี่ซึ่งกำลังเติบโต ถ่ายโอนพนักงานบางส่วนไปรับผิดชอบงานในธุรกิจจัดส่งอาหารและพัสดุ ทําให้ยังสามารถรักษาทรัพยากรบุคคลของเราไว้ได้จำนวนไม่น้อย เหลือพนักงานที่ต้องถูกเลิกจ้างไม่เกิน 5% และภายในปีนี้แกร็บจะไม่มีการประกาศเลิกจ้างพนักงานอีก และไม่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่เจ็บปวดเช่นนี้อีกในอนาคตอันใกล้
โดยคณะกรรมการบริษัทและทีมผู้บริหารยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่ออนาคตทางธุรกิจ โดยสำหรับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะทยอยได้รับอีเมลภายใน 1-2 วัน ที่ไม่ได้รับคือรอด