จากที่กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการรื้อถอนอาคารไม้เก่าแก่อายุกว่า131 ปีที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ทำการของบริษัททำไม้ภาคเหนือและภูมิภาคบอมเบย์เบอร์มา ปัจจุบันอยู่ในบริเวณสวนรุกขชาติเชตะวันในความดูแลของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์
ล่าสุดวันนี้(18มิ.ย.63) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าตามที่สวนรุกขชาติเชตะวัน สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ดำเนินการของบประมาณจากจังหวัดแพร่เพื่อดำเนินการ “ปรับปรุงซ่อมแซม” อาคารศูนย์เรียนรู้การป่าไม้ ภายในสวนรุกขชาติเชตะวัน
ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นราวปี 2432 หรือประมาณ 131 ปีมาแล้ว ซึ่งอาคารดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในเรื่องของการทำไม้ของประเทศไทยมายาวนาน โดยอาคารบริษัท บอมเบย์ เบอร์มา เทรดดิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่ทำไม้ในเขตภาคเหนือตอนบนได้สร้างอาคารบ้านพัก สำนักงาน ที่พักคนงาน เป็นที่รวมไม้ซุงก่อนจะล่องซุงไปตามแม่น้ำยมลงไปยังภาคกลาง และกรุงเทพฯ ในอดีตนั้น
แต่ในข้อเท็จจริงปรากฏว่า กรมอุทยานฯกลับปล่อยให้ผู้รับเหมาที่ประมูลงานได้เข้าทุบรื้อทำลายอาคารเก่าแก่ดังกล่าวทั้งหมด จนไม่เหลือสภาพของเดิมๆไว้ จนมิอาจเรียกว่าเป็นการ “ปรับปรุงซ่อมแซม” ได้ เพราะแม้แต่ลวดลายไม้ฉลุต่างๆก็ถูกแกะรื้อทำลายจนแตกหัก ไม่อาจนำมาประกอบคืนสภาพได้ โดยมิได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนไม้แต่ละชิ้นก่อนรื้อแยกให้เป็นไปตามหลักการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารประวัติศาสตร์ที่มีอายุเกินกว่าร้อยปีแต่อย่างใด
“ชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหารของกรมอุทยานฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งๆที่ควรรับรู้โดยปริยายว่าเมืองแพร่เป็นเมืองเก่าว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ตามมติ ครม. 10 ก.พ. 2558 แล้ว”
นอกจากนั้นอาคารดังกล่าวเป็นอาคารประวัติศาสตร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็น “โบราณสถาน” ตามนิยามใน พรบ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ม.4 ที่ว่า “อสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้าง หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นประโยชน์ในทางศิลป ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี
ทั้งนี้ ให้รวมถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์ และอุทยานประวัติศาสตร์ด้วย” ดังนั้น ถึงแม้อาคารดังกล่าวจะยังมิได้มีการประกาศรายชื่อจากกรมศิลปากรแต่ก็อยู่ในฐานะของการเป็นโบราณสถาน ตามนัยยะทางกฎหมายที่บัญญัติไว้ทุกประการ
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความไปร้องเรียนกล่าวโทษกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมศิลปากร รวมทั้งผู้บริหารในจังหวัดแพร่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดๆในตําแหน่งหรือหน้าที่ หรือกระทําการอันเป็นความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญาหรือตามกฎหมายอื่นต่อ ป.ป.ช. ในวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.63 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อมิให้เป็นแบบอย่างที่ไม่สมควรของการปฏิบัติหน้าที่ราชการในทุกกระทรวง ทบวง กรมต่อไป” นายศรีสุวรรณ กล่าว