จากที่วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ วัย37ปีผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ กัมพูชา ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มหายต่อมา พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักศึกษาและนักกิจกรรมทางการเมือง
ทั้งนี้ข้อความในเฟซบุ๊กเพนกวิน – พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ระบุว่า กี่ครั้งแล้วที่คนรักประชาธิปไตยโดนฆ่า ตั้งแต่คนเสื้อแดงโดนล้อมยิง จ่านิวโดนตี พี่น้องที่อุตส่าห์ลี้ภัยไปแล้วก็ยังตามล้างตามผลาญกันไปพี่ศพกี่คน ต้องให้พวกเราตายกันหมดใช่มั้ยถึงจะสาแก่ใจฝ่ายเผด็จการ #saveวันเฉลิม #มาตรา112 #112มีไว้ทำไม
ขณะที่วันนี้(15 มิ.ย.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสิ่งที่กังวลที่สุดในขณะนี้ คือการละเมิดและก้าวล่วงสถาบัน ขอร้องคนไทยอย่าไปเชื่อคำบิดเบือนที่สร้างความเกลียดชังยึดโยงเรื่องต่างๆเพราะไม่มีความเป็นไปได้อยู่แล้ว ในส่วนที่เกิดขึ้นต้องดูว่าเขาต้องการอะไร แล้วจะไปสนใจหรือเผยแพร่ทำไม ก็รู้อยู่ว่าที่ออกมาเคลื่อนไหวหนักในช่วงนี้เพราะอะไร ใกล้วันอะไรสักอย่างหรือไม่
“อะไรที่เกิดขึ้นในต่างประเทศก็คือต่างประเทศ ใครจะกล้าเข้าไปทำอะไรแบบนั้นได้ ส่วนในประเทศไทยที่ยังเคลื่อนไหวกันก็ยังไม่มีใครทำอะไรสักคน ซึ่งกฎหมายมีอยู่หลายตัว เราก็เข้าใจว่าต้องทำให้ทุกคนมีความสบายใจ โดยเฉพาะเด็กนิสิตนักศึกษาผมไม่อยากให้เสียอนาคต ไม่ได้ขู่เขานะ ซึ่งกฏหมายก็มีทุกตัวอยู่แล้ว ทุกคนต้องสำนึกเรื่องการบิดเบือนสถาบัน เดิมเรามีกฎหมายอาญามาตรา 112 อยู่และไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้
อยากบอกคนไทยว่าวันนี้มาตรา 112 ไม่ได้ใช้เลย เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระเมตตาไม่ให้ใช้ นี่คือสิ่งที่ท่านทรงทำให้แล้ว และคุณก็ละเมิดกันเรื่อยเปื่อยอย่างนี้ หมายความว่าอย่างไร คุณต้องการอะไรกัน วันนี้จำเป็นต้องปรับต้องพูดเพื่อให้บ้านเมืองสงบ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า กลุ่มที่เคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้านและยุโรปจะทำอย่างไรได้บ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ทำหนังสือไปถ้ามีอะไรเขาส่งหนังสือตอบกลับมา แต่ถ้าไม่ส่งกลับมาจะให้อย่างไรได้ แล้วก็ไปกล่าวอ้างกันว่าส่งคนไปทำโน่นทำนี่ อยากถามว่าจะทำได้อย่างไรในต่างประเทศ กฎหมายประเทศนั้นก็มีอยู่ ใครจะกล้าเข้าไปทำ ซึ่งคนที่เข้าไปอยู่ที่นั่น เพราะเขาทำความผิดในประเทศไทยซึ่งเป็นความผิดเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่รู้ไปทำไม เพราะคดีเล็กน้อยเท่านั้น
“คสช. ได้เรียกตัวมาก็ไม่มาแต่กลับหนีไป แล้วไปด่าคนนั้นคนนี้อยู่ข้างนอก และไปทำธุรกิจอะไรก็ไม่รู้ซึ่งทางกัมพูชาก็พร้อมถ้ามีใครไปแจ้งความร้องทุกข์ เขาก็สอบสวนให้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้แจ้งมาแล้วว่ากระทรวงต่างประเทศคุยกันอยู่ ตอนนี้ก็ขอความร่วมมือไปทุกประเทศที่มีกลุ่มเหล่านี้เคลื่อนไหวอยู่ บางคนมีสถานะขอลี้ภัย คนเหล่านี้ควรสำนึกว่าอยู่ประเทศเขาแล้วไม่ควรทำอะไร วันข้างหน้าจะปัญหาอีกถ้าประเทศนั้นไม่ให้อยู่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนอีก ก็สงสารนะในฐานะคนไทย ตนไม่ใช่คนใจร้ายจะฆ่าแกงได้อย่างไร
สำนึกไว้ด้วยว่ามาตรา 112 ทำไมถึงไม่มีการดำเนินคดี และทำไมถึงมีคนฉวยโอกาสตรงนี้ขึ้นมา ทรงมีพระเมตตา พระมหากรุณาธิคุณกำชับมากับผมโดยตรง 2-3 ปีที่ผ่านมาไม่มีการใช้ มาตรา 112 ทำไมไม่คิดตรงนี้ลามปามกันไปเรื่อยทุกคนที่มีความรักชาติศาสน์ กษัตริย์ ต้องช่วยกัน โดยเฉพาะลูกหลานของท่าน ประเทศไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงประเทศโดยใช้ความรุนแรงเหมือนประเทศอื่นต้องศึกษาดูด้วย ทุกคนมีพฤติกรรมเหล่านี้มา วันหน้าทำงานยาก บริษัทห้างร้านก็จะไม่ต้องการคนแบบนี้ จะทำอะไรกิน ห่วงเขาตรงนี้ต่างหาก ซึ่งเขาเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ที่คนชักนำเขาต่างหาก อยู่ที่สื่อจะช่วยกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ล่าสุดวันเดียวกันนี้ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องดังกล่าวลงในเฟซบุ๊ก ด้วยว่า
พระมหากรุณาธิคุณ
ลุงตู่เปิดเผยว่า ในหลวงฯทรงพระเมตตาไม่ให้ฟ้องร้องกล่าวโทษต่อบรรดาผู้ที่บังอาจจาบจ้วง กล่าวร้ายต่อพระองค์ท่าน ในความผิดตามมาตรา 112
แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้กล่าวร้าย จาบจ้วงจะไม่ได้กระทำผิด และอย่ามาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112
ความผิดส่วนความผิด แต่เป็นพระเมตตาที่ไม่เอาผิด
ที่มา : เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart