โปรไฟล์ “ศตพัฒน์ ” หนุ่มวัย 25 คว้าตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ผลการเรียน-สอบ ไม่ธรรมดา

0

จากกรณีที่ในโลกออนไลน์ ได้มีการชื่นชมหนุ่มวัย 25 ปี ที่สอบคว้าตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษามาได้ ในวัยที่ถือว่าอายุน้อยมาก และเป็นการสอบครั้งแรกและครั้งเดียวผ่านเลย จนผู้คนต่างชื่นชมในความสามารถ

โดยเรื่องราวดังกล่าว ถูกเปิดเผยผ่านทางเพจ นิติรามเพื่อนแท้ ระบุว่า “หลังจากปธ.ศาลฎีกา ประกาศผลผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่น 73 จำนวน 171 ราย สอบได้อันดับ 1 เป็นเด็กต้นกล้าตุลาการรุ่นแรก โดยว่าที่ผู้พิพากษาใหม่ท่านนี้ คือ นายศตพัฒน์ แขกเพ็ง #สอบติดที่1ผู้ช่วยผู้พิพากษา #สอบติดอันดับ3เนติบัณฑิตไทย #สอบติดครั้งแรกวัย25 #จบปริญญาตรี 18 พรีดีกรี”

 

ล่าสุดได้มีการรายงานผลการสอบของน้องศตพัฒน์ วัย 25 ปี หรือน้องตวง ที่มีความสามารถทางการเรียน จนวันนี้ทำตามความฝันได้สำเร็จ ซึ่งเพจเฟซบุ๊ก นิติรามเพื่อนแท้ ได้โพสต์ข้อความเล่าบรรยายด้วยว่า ” ท่านนี้จบพรีดีกรีรามด้วยวัย 18 ปี (ใช่ครับ 18 ปีในขณะที่หลาย ๆ คนยังหาคณะเรียนกันอยู่เลย จบ ป.ตรีแล้ว)

 

 

– เป็น 1 ใน โครงการต้นกล้าตุลาการรุ่นแรก ซึ่งเป็นการเน้นให้เห็นว่าเสาที่ 3 คือ เสาแห่งตุลาการไทยได้ทำโครงการนี้ออกมา เกรดสอบผ่าน คือ A

– ได้ที่ 3 เนติบัณฑิตไทย ซึ่งปกติ การสอบเนติบัณฑิตติดใน 10 ลำดับแรก ถือว่าท็อปฟอร์มมาก ๆ แล้ว เพราะสนามนี้ เราจะเจอบัณฑิตเก่ง ๆ จากทั่วประเทศในสายนิติศาสตร์อยู่แล้ว โดยท็อป 10 ต้น ๆ ส่วนใหญ่มาจาก ม.ธรรมศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

– และ อีก Step ความเหนือคือ ว่าที่ผู้พิพากษาท่านนี้สอบติดตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณสมบัติด้านอายุถึง คือวัยเพียง 25 ปี ที่กำหนดไว้ในคุณสมบัติของผู้มีสิทธิสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา ซึ่งถือเป็นอะไรที่พิเศษ ยิ่งกว่าพิเศษใส่ไข่อีก”

นอกจากนี้น้องศตพัฒน์ ยังสอบติดผู้ช่วยผู้พิพากษา รุ่น 73 ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 จากจำนวนผู้เข้าสอบ 171 คนด้วย

 

 

อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยังได้เปิดเผยเคล็ดลับแบ่งปันคนที่มีฝันด้วยว่า การที่เราจะทำสิ่งใดได้ดีนั้นจะต้องมีใจรักและอยากจะทำสิ่งนั้นๆจริงๆ การเรียนกฎหมายก็เช่นกัน มันต้องเริ่มจากความรู้สึกอยากจะเรียนจริงๆ ไม่ใช่เพราะถูกบังคับหรือเพราะไม่รู้จะเรียนอะไร แต่แน่นอนครับน้อยคนมากที่เข้ามาเรียนเพราะความรู้สึกแบบนี้แต่แรก ดังนั้นเราควรจะสร้างความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาให้ได้ โดยอาจจะหาแรงบันดาลใจจากใครสักคน หรือเพื่อเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ว่าอยากจะเป็น

เมื่อใจมาแล้วก็ไม่ยากแล้วครับ สิ่งที่มีต่อมาคือความขยัน วิชากฎหมายเป็นวิชาที่ต้องอาศัยความขยันเข้าช่วย เพราะสำหรับวิชากฎหมายนี้ไม่มีคนเก่งมีแต่คนขยัน ไม่มีคนโง่มีแต่คนขี้เกียจ แต่บางทีความขยันนั้นเราควรขยันให้ถูกที่ถูกทางด้วยเพราะเช่นนั้นความขยันก็สูญเปล่า

สำหรับวิธีการเรียนกฎหมายในชั้นปริญญาตรีของตัวผมเองนั้น เนื่องด้วยผมเข้าศึกษาในหลักสูตร พรีดีกรี ซึ่งต้องเรียนควบคู่ไปกับชั้นมัธยมปลาย การแบ่งเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งผมจะเริ่มวางแผนจากการลงทะเบียนเรียน โดยจะลงเท่าที่คิดว่าตัวเองจะพอสอบไหว โดยต้องดูวันสอบให้ห่างกันเพื่อจะได้มีเวลาพอที่จะทบทวน พอลงทะเบียนเสร็จแล้ว ผมก็จะไปหาซื้อหนังสือทุกวิชา เพราะผมไม่ได้มีโอกาสเข้าฟังคำบรรยายจึงต้องซื้อหนังสือทั้งหมดกลับไปอ่านเอง โดยหลักจะเป็นตำราของท่านอาจารย์และเสริมด้วยชีทสรุปและข้อสอบเก่าหน้าราม พอได้หนังสือกลับมาครบแล้วก็จะแบ่งเวลาอ่านหนังสือ

โดยจะอ่านทุกวันวันละ 1 ชม. แต่เป็น 1 ชม.ที่อ่านแบบเข้าใจ เวลาอ่านหนังสือจะอ่านได้นานเท่าไหนไม่ใช่สิ่งสำคัญ มันสำคัญที่ว่าเราได้อะไรจากการอ่านในครั้งนั้นๆบ้าง แต่ที่สำคัญต้องสร้างนิสัยของการรักการอ่านขึ้นมาโดยจะต้องอ่านหนังสือทุกวัน และควรจะโน้ตย่อไปด้วยในทุก ๆ ครั้งที่อ่าน

 

 

ภาพจาก สำนักคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม , นิติรามเพื่อนแท้