ถ้าผมเป็น #ลุงตู่ ผมจะแก้ฝุ่นพิษดังนี้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม
คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
.
- ผมจะไปตั้ง #Warroom แล้วดึงคนจากทุกกรม ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องมลพิษทางอากาศ ไปนั่งทำงานด้วยกัน
1.1 (เพิ่มเติม) งานแรกของ war room คือการปรับค่ามาตรฐาน ในการชี้วัด ว่า PM2.5 และ PM10 ที่มีผลเสียต่อสุขภาพต้องให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลกของ WHO
.
- War room ของผมจะตั้งอยู่ที่ #กรมควบคุมมลพิษ และผมจะไปนั่งทำงานอยู่ที่นั่นทุกวัน ให้มันรู้กันไปว่า ผู้ใหญ่ไปนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วผู้น้อยจะไม่กล้าทำงานเต็มที่
2.1 (เพิ่มเติม) #คาดโทษ อธิบดีกรมที่เกี่ยวข้อง เพราะปีที่แล้วก็เจอเหตุการณ์นี้ และทุกภาคส่วนได้เสนอแนะ ให้คำแนะนำ ให้งบประมาณไปดำเนินการแล้ว แต่ปีนี้ฝุ่นพิษกับยิ่งเลวร้าย แปลว่า หนึ่งปีที่ผ่านมา ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ จากนั้นต้อง #มอบอำนาจ ให้อธิบดีกรมที่เกี่ยวข้อง สามารถสั่งงานข้ามกระทรวง ข้ามกรม และบังคับใช้กฎหมายได้เต็มที่ เพื่อให้เขาสามารถแก้ปัญหาได้แบบบูรณาการ ต่อมาคือ #ชี้แจงบทลงโทษ ว่าถ้าปีนี้ผมให้อำนาจคุณสั่งการได้แบบ CEO แต่ถ้าปีหน้า สถานการณ์ยังไม่ขึ้น (ไม่ต้องถึงขนาดไม่มีฝุ่นพิษก็ได้) ผมมีบทลงโทษ ออกจากราชการ และในทางตรงกันข้าม ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น ผมจะ #โปโมท จากอธิบดีเป็นปลัดกระทรวง ต้องมีประสิทธิภาพ มีผลงาน วัดผลได้ และมีรางวัล มีบทลงโทษชัดเจน เราต้องการ #ผู้บริหารภาครัฐมืออาชีพ
.
- ผมขอให้ #กองทัพ ส่งกำลังพลลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้านตัดอ้อย
3.1 (เพิ่มเติม) ให้กำลังพลมาช่วยตัดอ้อยคือมาตรการระยะสั้น ระยะกลางต้องคิดถึง #รถตัดอ้อย รถตัดอ้อยราคาคันละประมาณ 10-12 ล้านบาท เกษตรกรรายย่อยไม่มีเงินพอครับ เราต้องสร้างรถตัดอ้อยให้ได้เองภายในประเทศ เข้าใจว่าเทคโนโลยีไม่น่าจะซับซ้อน เราน่าจะให้อาจารย์ทางด้านวิศวะช่วยกันออกแบบ แล้วส่งมอบแบบให้อาชีวะทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เอาไปทดลองสร้าง ทดลองใช้ อาจใช้เงินทุนของ อบต. อบจ. แล้วให้รถตัดอ้อยประจำอำเภอ ใช้งานร่วมกัน
.
- ผมจะสั่งให้ #ตำรวจ อาสา และ #หน่วยงานปกครองท้องถิ่น จับกุมและดำเนินคดีกับคนที่เผาในพื้นที่เปิด โดยผมจะ print out พิกัดละติจูด และลองติจูดของจุด hot spot จาก website http://www.asmc.asean.org แล้วผมจะทาบเลยว่าเป็นพื้นที่ของใคร
.
- ผมจะ #ไม่พูด อะไรๆ ที่เป็นการเติมเชื้อไฟ เช่น ทนเอา ปัญหาเกิดจากประชาชน หรือ ห้ามใช้รถดีเซล เพราะมันปฏิบัติจริงไม่ได้
.
- ผมจะเร่งทบทวนให้ #น้ำมันดีเซล ที่ขายในไทยต้องได้มาตรฐาน #Euro6 ส่วนใครที่ยังใช้เครื่องยนต์ที่รับ Euro-6 ไม่ได้ โดยเฉพาะรถยนต์ของรัฐ ต้องมีการปรับปรุงยกเครื่อง หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่
6.1 (เพิ่มเติม) เข้าในว่าอันนี้จะมีการริเริ่มไปแล้ว นั่นคือ ต้องปรับราคาน้ำมันดีเซลเกรด Premium ลง น้ำมันพวกนี้ได้มาตรฐาน เทียบเท่า Euro-5 แล้ว แต่ปัจจุบันราคา 31+ บาท/ลิตร ซึ่งสูงกว่า ดีเซลธรรมดา ที่ราคา 27+ บาท/ลิตร มากๆ ทำให้ยังไม่มีแรงจูงใจมากพอจะให้เติม ต้องปรับลดราคาน้ำมันคุณภาพสูงเหล่านี้ให้ได้
.
- ผมจะเร่งเปิดห้อง #CleanRoom ในหน่วยงานรัฐทุกแห่ง และขอให้เอกชนจัดทำในอาคารของตนเอง เพื่อให้เด็ก คนป่วย และคนชรา เข้าไปทำงาน ไปใช้ชีวิต
.
- ผมจะสร้าง #DreamTeam ที่มาจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน NGOs และนักวิชาการ มาวางแผนรับมือปรากฏการณ์ #ฝุ่นพิษ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว (ระยะยาวอาจต้องพิจารณาเรื่อง ผังเมือง หรือแม้กระทั้งการย้ายเมืองหลวง)
.
- ผมจะ #งดเว้นการจัดเก็บภาษี การนำเข้าหน้ากากป้องกันพิษ เครื่องฟอกอากาศ และอุปกรณ์กำจัดฝุ่นทุกประเภท รวมทั้งให้เงินสนับสนุนกับผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องมือเหล่านี้ภายในประเทศ
9.1 (เพิ่มเติม) ผมจะเร่งศึกษาผลกระทบเรื่องการยกเลิกการจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า EV แน่นอนส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายเก่า แต่ต้องสร้าง อุตสาหกรรม EV ในไทยให้ได้เพราะนอกจากจะไม่สร้างมลพิษแล้ว EV คือ แนวโน้มแห่งอนาคตครับ
.
- ผมจะสั่งให้ทุกท้องที่รัดกุม #ควบคุมดูแลโรงงาน และ #เขตก่อสร้าง ให้ต้องควบคุมการฟุ้งละอองของฝุ่น
.
- ผมจะสั่งให้กระทรวงสาธารณสุข สั่งโรงพยาบาลทุกแห่งให้เปิดบริการคลินิกดูแลระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งออกหน่วยแพทย์และอาสาไปในทุกโรงเรียนและทุกชุมชนเพื่อให้ความรู้ ตรวจสุขภาพ แจกหน้ากากอนามัย เพื่อทำให้ทุกคนรู้ว่าประเทศนี้ #เราดูแลคนของเรา
.
- ผมจะออกสำรวจ ดูข้อมูล และให้เงินทุนสนับสนุน ว่าช่วงนี้เรามีโอกาสสร้าง #ฝนเทียม ได้มากหรือน้อยแค่ไหนในพื้นที่ใด
.
- ผมจะโชว์บทบาทการเป็นผู้นำอาเซียนและเป็นมหาอำนาจระดับกลาง โดยการทำมาตรการหลายๆอย่างเพื่อช่วยเหลือดูแลไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่ #เผื่อแผ่ไปถึงประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพราะฝุ่นพิษฝุ่นละอองหมอกควันเป็นเรื่องข้ามพรมแดน
.
- ผมจะให้ผู้บริหารทุกกรมกระทรวงสำรวจดูว่า งานส่วนไหนบ้างที่สามารถทำจากที่บ้านได้ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะเริ่มต้นทดลองโครงการ #WorkFromHome แล้วทำจริงๆเลยดูซิว่าเราจะสามารถใช้เทคโนโลยีได้ไหม ในการทำงานของระบบราชการ
.
- ผมจะสั่งให้ข้าราชการทุกคน #ปลูกต้นไม้ อย่างน้อยคนละ 1 ต้นทุกเดือน เป็น KPI ของหน่วยงานนั้นด้วย
.
- ผมจะเริ่มต้นศึกษาเพื่อจัดตั้งระบบและตลาดซื้อขาย Emission Quotas and Emission Credit เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนลดมลพิษ โดยใช้ #กลไกตลาด ซึ่งน่าจะได้ผลมากกว่าระบบคำสั่ง ควบคุมและการจัดเก็บภาษี/ค่าปรับ
.
- ผมจะ #จัดระบบรถเมล์ใหม่ ก่อนครับ ให้รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และเรือเป็นแกนหลักของระบบ ทำหน้าที่วิ่งข้ามเมือง จากนั้นรถเมล์ค่อยมาวิ่งจากแต่ละสถานี/ท่า เข้าไปในชุมชนใกล้ๆ ไม่ใช่รถเมล์วิ่งข้ามเมือง ซึ่งรถติด และทำให้คาดการณ์เวลาเดินทางไม่ได้ รวมทั้ง ตั๋วโดยสารทุกระบบต้องใช้เชื่อมร่วมกัน จ่ายครั้งเดียว ใช้ได้ทุกระบบ
.
- ผมจะไม่มีทางใช้ #นโยบายห้ามรถยนต์วิ่งวันคู่หรือวันคี่ โดยเฉพาะรถบรรทุก เพราะรถยนต์ทางรถนั่งส่วนบุคคล รถตู้ รถบรรทุก รถกระบะ มันมีทั้งรถเก่าและรถใหม่ มันมีทั้งรถที่ปล่อยมลพิษและรถที่ไม่ปล่อยมลพิษ แต่ทำไมรถที่ไม่ปล่อยมลพิษกลับต้องถูกห้ามวิ่ง ในขณะที่รถที่มีมลพิษ มันควรจะถูกห้ามวิ่งไม่ว่าจะเป็นวันคู่หรือวันคี่ และในกรณีของรถบรรทุก ถ้าคุณไปห้ามเขาวิ่งวันคู่ พอถึงวันที่รถบรรทุกที่ไม่ได้วิ่งวันคู่ก็จะเพิ่มปริมาณรถที่วิ่งวันที่ให้กลายเป็น 2 เท่า สรุปปริมาณฝุ่นปริมาณมลพิษก็ยังเกิดขึ้นเท่าเดิม นโยบายที่ถูกคือห้ามลดที่ปล่อยมลพิษวิ่ง
.
ช่วยกันคิด ช่วยกันเสนอครับ #อย่าเอาแต่ด่า