(1) 21 ม.ค.63 จากที่ศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองของพรรคอนาคตใหม่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 50 โดยมี 4 ผู้ถูกร้อง คือ พรรคอนาคตใหม่ , ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , ปิยบุตร แสงกนกกุล และ คณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่
(2) ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญพิเคราะห์แล้วมีคำวินิจฉัยว่า ไม่มีพฤติการณ์ว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด จึงวินิจฉัยว่า ไม่เป็นการล้มล้างการปกครองตามมาตรา 49
(3) ประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญ ยกคำร้องมีความน่าสนใจ ในเรื่องของข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ที่เห็นว่ามีเฉพาะคำว่า หลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ “ไม่มีคำว่า”ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข “มีความไม่สมบูรณ์สมควรที่นายทะเบียนพรรคการเมือง มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ให้แก้ไขปรับปรุงให้เกิดความชัดเจนไม่คลุมเครือ
(4) คดีนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยที่ต้องพิจารณาวินิจฉัย เพียงประเด็นเดียว คือ “การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่?”
(5) ทั้งนี้ความน่าสนใจก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไปที่ข้องบังคับของพรรคอนาคตใหม่ ดังระบุว่า
(6) เมื่อพิจารณาตามคำร้อง และเอกสารประกอบผู้ร้องอ้างว่า การออกข้อบังคับ นโยบาย และสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่ เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื่องจาก ข้อบังคับ นโยบาย และสัญลักษณ์ของพรรคดังกล่าวมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองและไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 14(1) และมาตรา 15(2) และ(3) นั้น
(7) ศาลฯ เห็นว่า การออกข้อบังคับของพรรคการเมือง เป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งพรรคการเมือง ซึ่งเป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยเอกสารและหลักฐาน ที่ต้องยื่นพร้อมกับคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องประกอบด้วย ข้อบังคับพรรค ซึ่งจะต้องไม่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ และต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ
(8) ข้อบังคับพรรค จะต้องมีภาพเครื่องหมายของพรรค และนโยบายของพรรค ซึ่งกระบวนการยื่นคำร้องขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง จะต้องยื่นข้อบังคับพรรคพร้อมคำขอด้วย เมื่อนายธนาธรได้ยื่นคำขอจดจัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ และนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยความเห็นชอบของ กกต.ได้รับจดทะเบียนพรรคอนาคตใหม่ และมีประกาศจัดตั้งพรรคในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
(9) กรณีนี้ ย่อมแสดงว่าข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื่องจากนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ตรวจสอบและได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้
(10) แต่ถ้าปรากฏข้อเท็จจริงในภายหลังว่า ข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ มาตรา 14(1) และมาตรา 15(2) และ(3) ก็เป็นหน้าที่และอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะรายงานไปยัง กกต.พิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับดังกล่าวได้
(11) ดังนั้นข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้ถ้อยคำว่าหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนรายการคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองข้อ 6 วรรคสอง ที่กำหนดว่า พรรคอนาคตใหม่ ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยตามหลักรัฐธรรมนูญ
(12) ซึ่งการใช้ข้อความในข้อบังคับของพรรคการเมือง ควรให้ความชัดเจน ไม่มีความคลุมเครือแตกต่างจากรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ที่บัญญัติว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันอาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ มาตรา 14(3) ได้
(13) สุดท้ายก่อนที่ศาลฯจะชี้ว่า กกต.มีหน้าที่และอำนาจที่จะพิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ ตามมาตรา 17 วรรคสาม เพื่อป้องกันความสับสน ขัดแย้ง ที่อาจจะเกิดขึ้น สมควรที่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้ช่วยกันแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญต่อไป
(14) นั่นคือคำวินิจฉัยของศาลฯ ที่แม้จะยกคำร้องคดีนี้ แต่ก็มีประเด็นให้ดำเนินการ โดยเป็นหน้าที่และอำนาจของนายทะเบียนพรรค และกกต. จะต้องสั่งพรรคอนาคตใหม่ปรับแก้ข้อบังคับพรรคให้เป็นตามรัฐธรรมนูญ
(15) ก่อนหน้านี้ก็มีคนตั้งข้อสังเกตถึง ข้อบังคับพรรค นโยบายพรรค และสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่ ที่ออกไปในแนวคลุมเครือ ซ่อนเลศนัย แต่ก็ผ่านการตรวจสอบของนายทะเบียนและผ่านการเห็นชอบจาก กกต.ที่อนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคได้อย่างไร???
(16) ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่ากรณีนี้ ทางศาลฯได้ระบุ เพื่อป้องกันความสับสน ขัดแย้ง ที่อาจจะเกิดขึ้น สมควรที่ “ผู้ที่เกี่ยวข้อง” จะได้ช่วยกันแก้ไข เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญต่อไป โดยผู้เกี่ยวข้อง ในที่นี้ก็คือ นายทะเบียนพรรคฯ และกกต.ทั้งหมดนั่นเอง!?!
(17) ในวันเดียวกันคือเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 สำนักงานกกต. จึงได้ออกเอกสารข่าวการดำเนินการตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับข้อบังคับของพรรคอนาคดใหม่ อ้างอิงตามข่าวศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 2/2563 เมื่อ 21 มกราคม 2563
(18) โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสี่ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างไม่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
(19) และศาลรัฐธรรมนูญได้มีความเห็นข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ ปี 2561 ข้อ 6 วรรคสอง อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2560 มาตรา 14 (3) ซึ่ง กกต. มีหน้าที่และอำนาจที่จะพิจารณามีมติเพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ ตามมาตรา 17 วรรคสาม เพื่อป้องกันความสับสนขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น
(20) ดังนั้น กกต.ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พิจารณาศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับข้อบังคับของพรรคอนาคตใหม่ข้างต้น เพื่อเสนอความเห็นต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและรายงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณา ตามมาตรา 17 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าพรรคการเมืองปี 2560 โดยเร็ว
(21) สำหรับ มาตรา 17 วรรคสาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าพรรคการเมืองปี 2560 ระบุเนื้อหาไว้ว่า
(22) กรณีที่ปรากฏในภายหลังว่าข้อบังคับของพรรคการเมืองที่ได้ยื่นไม่เป็นไปตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15 ให้นายทะเบียนรายงานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาและมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับนั้นและให้แจ้งมติของคณะกรรมการให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ
(23) ในการนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองต้องดำเนินการแก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้วหากไม่มีการแก้ไขหรือยังแก้ไขไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง
(24) ผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองหรือหัวหน้าพรรคการเมืองมีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านมติของคณะกรรมการตามวรรคสองหรือวรรคสามต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งมติของคณะกรรมการ
(25) นั่นคือสิ่งที่ตามมาหลังจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรมนูญยกคำร้องคดีอิลลูมินาติ ซึ่งย้ำว่าเป็นอำนาจและหน้าที่ของกกต.ต้องไปดำเนินการต่อ และก็ขึ้นอยู่กับอนาคตใหม่ว่าจะยอมแก้ข้อบังคับนั้นหรือไม่??? จะมีข้ออ้างอะไรที่จะไม่ทำ!?! นั่นเพราะกฎหมายระบุชัดถึงกับทำให้พรรคสิ้นสภาพได้?!?
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง