จากที่ “ตั้ว ศรัณยู” เสียชีวิตในวัย59ปีด้วยอาการป่วยมะเร็งตับระยะสุดท้าย ซึ่งคนไทยต่างไว้อาลัยกับการสูญเสียครั้งนี้ รวมทั้งอัษฎางค์ ยมนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงข้อมูลที่มีการพูดถึงกันเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้เพราะข้อมูลนั้นเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ในประเทศนี้อาจยังไม่เคยรับรู้มาก่อนเกี่ยวกับประวัติส่วนลึกของตั้ว ศรัณยู บางช่วงซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า
ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ธเนศ วรากุลนุเคราะห์
พี่น้อง ท้องเดียวกัน
พี่ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์
ล่าสุดวันนี้(12มิ.ย.63) นายอัษฏางค์ ได้นำข้อความที่มีการเข้ามาโจมตีจากการให้ข้อมูลของตนเกี่ยวกับตั้ว ศรัณยู โดยมีบางช่วงที่สำคัญว่า ผมไม่เคยเป็นเด็กเสริฟ ถ้าผมเป็นเด็กเสริฟ ผมจะบอกตรงๆ ไม่มีอะไรน่าอายเพราะเป็นอาชีพสุจริต”
ผมโพสต์เรื่องพี่ตั้ว เพื่อไว้อาลัยผู้วายชนม์ ไม่มีเรื่องการเมือง แต่คนคลั่งการเมืองก็ยังคงคลั่งไม่รู้กาลเทศะ เด็กยุคใหม่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร แยกแยะอะไรไม่ได้สักอย่าง แม้แต่แยกแยะคนดีคนชั่ว แยกแยะไม่ได้ว่าอะไรถูกหรือผิด จริงหรือเท็จก็แยกแยะไม่ได้ สุดท้ายชีวิตพวกเขาจะลำบาก ที่น่าแปลกใจมากคือ พวกเขานิยมเสพข้อมูลเท็จ อะไรเท็จเขาจะกระโดดงับ และคาบเอาไว้ไม่ปล่อย
แต่อะไรที่เป็นเรื่องจริง พวกเขาจะไม่สนใจ ต่อให้อธิบายยังไงก็ไม่ฟัง “เหมือนสุภาษิตโบราณที่ว่าแมลงวันชอบกินขี้” คนที่ปล่อยข่าวว่าผมเป็นเด็กเสริฟที่ออสเตรเลียคือคนที่เป็นข่าวดังว่าโดนอุ้ม ส่วนอีกคนที่หนีอยู่ญี่ปุ่นก็บอกว่าผมทำงานพับผ้าอยู่ในโรงแรม ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย
ถ้าผมเคยทำงานนั้นจริง ผมจะยอมรับตรงๆ เพราะผมไม่เคยรู้สึกว่าอาชีพทั้ง 2 อย่าง ต้อยต่ำเลยแม้แต่น้อย คนพวกนั้น ต่อต้านระบบอำมาตย์ เพราะเขาว่ามันคือการแบ่งชนชั้น แต่ความจริงพวกเขาต่างหากที่ชอบแบ่งชนชั้น และชอบดูถูกผู้ที่ต้อยต่ำกว่า ปากว่าตาขยิบ ปากเรียกร้องความเสมอภาค ต่อต้านการแบ่งชนชั้น แต่ตัวเองกับเป็นคนแบ่งชนชั้น และดูถูกคนอื่น มันมีอะไรอีกมากมายที่เด็กๆ ในกะลาไม่เคยรู้ว่าโลกที่กว้างใหญ่เป็นยังไง
………………………………………………………………….
เด็กที่ทำงานเสริฟอาหารในต่างประเทศ คือเด็กนักเรียนนอก เช่นในออสเตรเลีย เด็กเสริฟเกือบทั้ง 100% จบปริญญาตรี บางคนกำลังเรียนปริญญาโท บางคนจบปริญญาโทแล้ว ที่สำคัญถ้าภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ทำงานเสริฟไม่ได้ ไอ้คนที่ได้ข้อมูลเท็จแล้วหวังว่าจะดูถูกว่าผมเป็นเด็กเสริฟ พวกนั้นเรียนจบอะไรมา พูดภาษาอังกฤษได้มั้ย และเชื่อว่ายังไม่เคยขึ้นเครื่องบินด้วยซ้ำไป คนที่ต่ำต้อยมักดูถูกคนที่ต่ำต้อยและด้อยโอกาส
คนที่อยู่สูงแล้ว เช่นคนที่เป็นผู้จัดการ ผู้อำนวยการ อธิบดี ปลัดกระทรวง ผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลาย มักผ่านความต่ำต้อยมาก่อน โดยเริ่มงานมาตั้งแต่ตำแหน่งเริ่มต้น หลายคนเคยเป็นเสริฟอาหารอยู่เมืองนอก แล้วค่อยๆไต่เต้า จึงไม่เคยดูถูกผู้ที่ด้อยโอกาส เพราะเขาผ่านด่านที่ยากลำบากนั้นมาแล้ว
ผมอยู่ออสเตรเลียมานาน เคยเจอน้องๆ นักเรียนไทยมากมาย จะเล่าให้กบในกะลาได้เป็นความรู้ ข้อมูล ที่ป่าวประกาศว่า ปัจจุบันผมเป็นเด็กเสริฟ เป็นแม่บ้านพับผ้าในโรงแรม ไม่มีมูลความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว ผมไม่เคยทำอาชีพนั้นเลย ถ้าผมเป็นเด็กเสริฟ
ผมจะบอกด้วยความภูมิใจ ว่าผมเลี้ยงชีพด้วยอาชีพสุจริต หรือใช้ชีวิตในเมืองนอกด้วยการเสริฟอาหารจนมีชีวิตรอดมาถึงปัจจุบัน ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
ก่อนจะดูถูกผู้อื่น ลองส่องกระจกดูว่าตัวเองเป็นยังไง หันไปมองรอบตัวว่าสภาพบ้านตัวเองเป็นยังไง สูงส่งกว่าเค้าจริงหรือไม่
ที่มา : เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค