จากกรณีตามหาตัว ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ ซึ่งหายไปจากบ้านพักหมู่ที่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. ทางครอบครัว และชาวบ้านช่วยกันออกตามหาแต่ก็ไม่พบ กระทั่งค่ำวันที่ 14 พ.ค. พบศพน้องชมพู่บนภูเหล็กไฟในพื้นที่ ต.กกตูม
ทั้งนี้ เป็นเวลา 1 เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน ขณะที่ทางครอบครัวของน้องชมพู่ก็ได้มีการพึ่งความเชื่อทางไสยศาตร์ รวมไปถึงการสอบถาม ร่างทรง หมอดู แลพระด้วยนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มูลนิธิกระจกเงา ได้มีการทวิตข้อความถึงกรณีดังกล่าว ในเรื่องของไสยศาสตร์กับคนหาย จากกรณีที่มีพระ รวมไปถึงหมอดูต่าง ๆ อ้างมีนิมิตมองเห็นคนร้าย และจุดก่อเหตุ ชี้ เชื่อมโยงกันได้แต่ไม่ควรล้ำเส้นหรือปรักปรำ
– เคยมีคดีเด็กหายรายนึง ร่างทรงบอกเด็กอยู่ในน้ำมีก้อนหินใหญ่ทับอยู่ ต้องสูบน้ำจากสระลงนาข้าวชาวบ้านเป็นความขัดแย้งในชุมชนอีก พอน้ำแห้งต้องหาทางขยับหิน ใช้เวลาอยู่ 2 วัน สุดท้ายหินไม่ขยับเลยเพราะก้อนใหญ่มาก อีก 5 วันต่อมาพบเด็กที่อื่นและเด็กไม่ตาย #ร่างทรง #น้องชมพู่
– ไสยศาสตร์กับคนหาย ทำหน้าที่ความเชื่อเป็นที่พึ่งทางใจแต่ไสยศาสตร์ต้องไม่ล้ำเส้น ไม่ชี้นำ ไม่ปรักปรำ ตำรวจต้องอธิบาย รายงานความคืบหน้าแสดงถึงความพยายามที่จะทำให้ญาติสบายใจ มีที่พึ่งจริง ๆ ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยเจอคนหายจากไสยศาสตร์เลย เจอคนหายจากหลักฐาน และความพยายามของทุกฝ่าย #น้องชมพู่
– ผลชันสูตรศพที่แตกต่างกันตามข่าว จะเกิดคำถามถึงผลการชันสูตรศพในคดีอาชญากรรมอื่น ๆ ที่ผ่านมา ที่คนร้ายอาจลอยนวลหรือจับแพะ เพราะผลชันสูตรมันชี้นำการสืบสวนสอบสวนด้วย #น้องชมพู่
– เรื่องผลชันสูตรศพของสองรพ. ที่แตกต่างกันตามข่าว ควรถกเถียง ตรวจสอบทางวิชาการ ในออนไลน์ไปพูดถากถาง รพ.แรก พอหมอบอกจะฟ้อง เลยเงียบไม่ได้เกิดการตรวจสอบ แม้กระทั่งผลตรวจของรพ.สอง ก็จำเป็นต้องตั้งคำถามว่าทำไมถึงตรวจได้แบบนั้น ทำไมผลตามข่าวต่างกันเพราะเป็นตัวชี้ลักษณะคดี #น้องชมพู่
– คดีอาชญากรรมบ้านเรากันพื้นที่เกิดเหตุไม่ดี คนไม่เกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวข้องแต่ไม่มีหน้าที่โดยตรงมักเข้าไปเหยียบย่ำพื้นที่ กินน้ำ สูบบุหรี่ ทิ้งขวดน้ำทิ้งก้นบุหรี่ให้เกลื่อน ไปจับวัตถุพยานทั้ง ๆ ไม่มีหน้าที่ โอกาสจะได้ลายนิ้วมือแฝง DNA แฝงของคนร้าย เลยยากเพราะจับกันหลายมือ #น้องชมพู่
– มักไม่ให้ความสำคัญในการเก็บพยานหลักฐานตั้งแต่เกิดเหตุจุดที่เด็กหายสุดท้าย เคยมีคดีเด็ก 7 ขวบหาย ต่อมาพบศพถูกฆ่ารัดคอ เชือกรัดคอ คือเชือกราวตากผ้าในห้องของเด็ก ซึ่งย่อมต้องมีร่องรอยคนร้าย แต่ตอนยังไม่พบเด็กไม่เคยเก็บพยานหลักฐานจุดที่เด็กหายไว้เลย คดีนั้นก็จับคนร้ายไม่ได้ #น้องชมพู่
– คดีอาชญากรรมไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะเอาใครมาขู่มาเค้นแล้วยอมรับ พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จะมีน้ำหนักมากในการชี้คนร้าย ผลชันสูตรสองโรงพยาบาลตามข่าว มีผลแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ จึงควรตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัด เพราะคือจุดพลิกคดี #น้องชมพู่
– ข้อเท็จจริงทั้งหมดจะค่อย ๆ คลี่คลาย จากพยานหลักฐาน จากเวลา จากการเอาจริงเอาจังในการติดตาม และจากพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ การด่วนสรุปเกินไปมีผลเสียต่อรูปคดี ต่อผู้เสียหาย ต่อผู้ต้องสงสัย ต่อผู้กระทำความผิด แม้กระทั่งความยุติธรรมต่อเด็กหายเอง #น้องชมพู่
– การกะระยะทาง พื้นที่การค้นหา พื้นที่เกิดเหตุทำให้ข้อเท็จจริงผิดเพี้ยนได้ เพราะการกะระยะทางของแต่ละคนแตกต่างกัน การวัดระยะทางจากเครื่องมือ ข้อเท็จจริงจะแม่นยำ กรณีเด็กพม่าหายที่ไร่อ้อย ตอนพบศพ ผู้ว่าฯบอกห่าง 5 กม.จากจุดหาย แต่เมื่อวัดจริงคือ 900 เมตร ซึ่งเด็กเดินไปเองได้ #น้องชมพู่
– เวลาเด็กเล็กหาย จุดเกิดเหตุอาจอยู่ในจุดคาดไม่ถึง หลายกรณีใกล้จุดที่เด็กหายไปเพียงนิดเดียว แต่ไม่ได้ค้นหาจุดนั้น หรือไม่ไปค้นหาพยานหลักฐานในจุดนั้น ดังนั้นการค้นหา จึงต้องเริ่มจากจุดที่ใกล้ที่สุดขยายวงกว้างออกไป #น้องชมพู่
– เวลาค้นหาเด็กหาย ต้องขยายพื้นที่การค้นหา นอกจากประเมินศักยภาพจากการเดินของเด็กแล้ว ต้องประเมินในกรณีหากเกิดเหตุร้ายกับเด็กโดยบุคคลอื่นพาไป ซึ่งอาจเป็นการก่อเหตุแล้วอำพรางในจุดที่คนไม่คาดคิด จุดรกทึบ หรือจุดที่อยู่ห่างไกลจากจุดที่เด็กหายไป #น้องชมพู่
– การค้นหาเด็กหายในพื้นที่ จำเป็นที่ต้องดำเนินการทันทีอย่างต่อเนื่อง ขยายวงกว้างออกไป ต้องประเมินศักยภาพของเด็กว่าอาจเดินไปได้ไกลกว่าที่ผู้ใหญ่คาดคิด กล้าเดินไปยังจุดรกร้างหรือแหล่งน้ำหากวิ่งตามสัตว์เลี้ยงไป และเดินไปได้ไกลหากเป็นการพลัดหลงป่า #น้องชมพู่
– อาชญากรรมในเด็ก ต้องประเมินประเด็นภายในครอบครัวก่อน และต้องสืบสวนสอบสวนติดตามประเด็นอื่นไปพร้อม ๆ กัน การตั้งข้อสันนิษฐานทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ท่าทีต้องไม่ปรักปรำ ชี้นำ ต้องใช้พยานหลักฐานประกอบการสืบสวนสอบสวน #น้องชมพู่
– เวลาเด็กเล็กหาย ต้องประเมิน 1.ปัญหาแย่งสิทธิ์ปกครองบุตร 2.อุบัติเหตุ,พลัดหลง 3.ความรุนแรงในครอบครัวจนถึงแก่ชีวิต 4.ถูกลักพาตัวทั้งจากคนใกล้ชิดและคนภายนอก การลักพาตัวเด็กในไทยไม่ใช่กลุ่มแก๊งขบวนการ ส่วนใหญ่คนลักพาตัวเด็กมีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำทางเพศมากที่สุด #น้องชมพู่
ที่มา : มูลนิธิกระจกเงา