ยูเซฟ แชมป์มวยดังชาวเบลเยี่ยม ยืนยัน “ไม่เกี่ยวคดีนักมวยหลอกสาวไทย” ขณะสื่อเข้าใจผิด ใช้ภาพนักมวยผิดคน!

0

สาวไทยเจ้าของบริษัทใหญ่ อ้างถูกนักมวยชื่อดังต่างชาติหลอก สูญทรัพย์สินกว่า 30 ล้านบาท พร้อมปล่อยภาพเปลือยลงโซเชียล

ในวันที่ 8 มิ.ย.63 ทางด้านเพจสาธารณะชื่อดัง ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับ หญิงสาวไทยรายหนึ่ง อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของบริษัทตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ ได้แจ้งกับทางเพจว่า ถูกนักมวยดังต่างชาติ หลอกลวง สูญเงินไปกว่า 30 ล้านบาท

โดยทางด้านของ หญิงไทยคนดังกล่าวได้เล่าว่า ได้มีการซื้อบ้าน ซื้อรถในต่างประเทศ รวมถึงหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับการโอนเงินให้กับทางด้านของนักมวยดัง เป็นจำนวนเงินรวมกว่า 30 ล้านบาท

ซึ่งผู้เสียหายได้เล่าต่อว่า ได้รู้จักกับนักมวยคนดังกล่าวเมื่อประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นนักมวยคนดังกล่าวได้มาฝึกซ้อมที่ประเทศไทย และเกิดชอบพอกัน

โดยในช่วงแรกนักมวยคนดังกล่าว ได้ขอยืมเงินทางด้านผู้เสียหายอยู่บ่อยครั้ง (แต่ไม่เคยคืน) จนกระทั่งได้บินไปประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นประเทศบ้านเกิดของนักมวยคนดังกล่าว และได้นำเงินไปลงทุนซื้อรถ บ้าน และคอนโด รวมๆแล้วประมาณ 30 ล้านบาท

เมื่อระยะเวลาผ่านมาประมาณช่วง มี.ค.63 ทางด้านนักมวยคนดังกล่าวได้พยายามบล็อคผู้เสียหายในทุกทาง ซึ่งมาทราบภายหลังว่านักมวยดัง กำลังคบหากับหญิงอื่นอยู่ พร้อมกับได้ปลอม IG เป็นผู้เสียหายเพื่อโพสต์ภาพเปลือยอีกด้วย

ต่อมาทางด้านผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองพัทยา และกำลังอยู่ในช่วงสอบสวน หาหลักฐานและดำเนินคดีต่อไป

ล่าสุด แหล่งข่าว ซึ่งใช้ชื่อว่า “คุณกระเต็น” เจ้าของค่ายมวยเพชรสมานมวยไทย ซึ่งเป็นภรรยาของนักมวยหนุ่มชาวเบลเยี่ยม ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตามข่าวที่ปรากฏก่อนหน้านี้ที่เป็นเรื่องราวว่านักมวยเบลเยี่ยมหลอกสาวไทยสูญเงิน30ล้าน โดยมีการนำภาพของนักมวยคนหนึ่งมาเป็นภาพปกของข่าวดังกล่าวนั้น ยืนยันว่าเป็นคนละคนกัน

ซึ่งภาพที่มีการนำมาประกอบเป็นภาพปกความจริงแล้ว คือ ยูเซฟ ซึ่งเป็นนักมวยชาวเบลเยี่ยมและเป็นสามีของตน อยู่กินเป็นครอบครัวมีบุตรด้วยกัน2คนมาหลายปีแล้ว พร้อมยืนยันว่า ทั้งคุณกระเต็นเจ้าของค่ายมวยเพชรสมานมวยไทย และยูเซฟ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวตามที่ปรากฏเป็นประเด็นข่าวแต่อย่างใด ทั้งตนและสามีก็ไม่รู้จักผู้ชายคนที่ปรากฏอยู่ในข่าวนี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวนั้นเป็นการคลาดเคลื่อนของสื่อที่นำภาพของยูเซฟมาใช้โดยผิดพลาดและไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ทั้งยังทำให้บุคคลอื่นเกิดความเสียหาย ทางด้านชื่อเสียงอีกด้วย เช่นนี้แล้วทางสำนักข่าวจึงต้องขอโทษกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาประสงค์ให้ยูเซฟต้องได้รับความเสียหายทางด้านชื่อเสียง ดังนั้นจึงขออภัยมา ณ ทีนี้