จับตาพรรค3 เส้า ใครลาออกร่วมกรณ์อีก!!! จริงหรือปัญหาคือหน.ปชป.???

0

หลังจากกรณ์ จาติกวนิช และอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยทั้งสองยังทำงานการเมืองต่อ!!!

โดยชัดเจนตามที่อรรถวิชช์  โพสต์เฟซบุ๊กว่า “การเมืองที่ผมอยากเห็น คือการเมืองที่กระชับ ชัดเจนรองรับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อนำประเทศเข้าสู่โครงสร้างเศรษฐกิจแบบใหม่เป็น Startup ทางการเมืองที่จะฉีกกรอบแนวคิดการบริหารราชการแผ่นดินอย่างสร้างสรรค์ อยากเห็นคนจริง คนทำงานในหลากหลายอาชีพมาช่วยกันขับเคลื่อน พลิกโฉมประเทศไทย

ผมกับพี่กรณ์ตกลงกันว่า ได้เวลาลงมือทำ ถึงไหนถึงกัน สร้างการเมืองที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมีคุณธรรม และอยากชวนทุกคนมาร่วมทางเดิน ลุยไปทำในสิ่งที่เชื่อกัน”

ซึ่งมีรายงานว่าเบื้องต้นกรณ์  และอรรถวิชช์  จะยื่นจดจัดตั้งพรรคต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งในชื่อว่า “พรรคขับเคลื่อนไทย”

การออกมาตั้งพรรคใหม่นี้เอง ที่ถูกจับตาว่านี่คือพรรค3เส้าหรือไม่??? อันมีประชาธิปัตย์ พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคใหม่ของกรณ์???

ที่ต้องพูดถึงรวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งหมอวรงค์ เพิ่งย้ายเข้าไปนั้นก็เพราะก่อนหน้านี้ หมอวรงค์ก็เคยให้ความสนใจที่จะร่วมกันสร้างพรรคใหม่ร่วมกับกรณ์และอรรถวิชช์

รายงานข่าวบอกว่า หมอวรงค์ได้เคยเข้ามาร่วมประชุมด้วยหลายครั้ง เพียงแต่มีเหตุผลบางประการที่ทำให้ในที่สุดก็ไปลงตัวกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย อันนี้ลุงกำนัน สุเทพเป็นแกนหลักคนสำคัญอยู่

“กรณ์จะมองการเมืองแบบกลางๆไม่สุดขั้วแบบขั้วใดขั้วหนึ่งไปแบบสุดๆ ขณะที่หมอวรงค์ถูกมองด้วยภาพว่า มีความชัดเจน เอาจริงเอาจังกับพวกชังชาติ ดังนั้นภาพที่ออกมาเลยคล้ายว่า อยู่สุดอีกขั้วหนึ่งไปเลย” รายงานข่าวระบุ

กระนั้นที่น่าจับตาต่อจากนี้ก็ในประชาธิปัตย์จะมีใครทยอยลาออกตามมาอยู่ด้วยกับกรณ์อีกหรือไม่ ตรงนี้น่าจับตา คนชื่อ ดร.ศุภชัย ศรีหล้า อดีตส.ส.อุบลฯพรรคประชาธิปัตย์

ศุภชัย ถือว่าเป็นคนสนิทของกรณ์คนหนึ่งเลยทีเดียว โดยเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2562  ดร.ศุภชัย ได้ช่วยกรณ์ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร 7 จังหวัดภาคอีสาน

แต่ในช่วงเกิดศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ทางประชาธิปัตย์สายอีสานแยกออกเป็นสองสาย โดยสายคนหนุ่ม “ศุภชัย ศรีหล้า” ประกาศตัวเลือกข้าง “ถาวร เสนเนียม” หนุน “หมอวรงค์” เป็นหัวหน้าพรรค

ขณะทีม“สุทัศน์ เงินหมื่น, อิสสระ สมชัย และวิฑูรย์ นามบุตร” ยังอยู่กับขั้วอภิสิทธิ์ และชวน หลีกภัย

ในการเลือกตั้งล่าสุดที่ผ่านมา อุบลฯ เขต 2 มีการแย่งกันลงระหว่างศุภชัย ศรีหล้า และนายวุฒิพงษ์ นามบุตร แต่ในท้ายที่สุด วุฒิพงษ์ ก็ได้เป็นตัวแทนพรรคและชนะได้เป็นส.ส. ส่วนคนสนิทกรณ์อย่างดร.ศุภชัย ถูกไปลงบัญชีรายชื่ออยู่ลำดับที่ 50 คงไม่มีวันที่จะได้เข้าสภาฯ เพราะถึงขณะนี้คนที่ได้เป็นส.ส.อยู่ลำดับที่ 26 เท่านั้น

ดังนั้นจึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า ศุภชัย จะเดินตามกรณ์ออกมาร่วมสร้างฝันพรรคใหม่ด้วยกันหรือไม่???

ขณะที่ปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์หลังการลาออกของแกนนำสำคัญหลายคน โดยวันนี้(16ม.ค.63) เปลว สีเงิน แห่งนสพ.ไทยโพสต์ เขียนไว้ในคอลัมน์โดยจั่วหัวว่า  ประชาธิปัตย์ ก่อนศตวรรษ?

ซึ่งคอลัมนิสต์-นักหนังสือพิมพ์อาวุโส มองว่าเรื่องนี้เกิดจากหัวหน้าพรรค??? โดยข้อความบางช่วงระบุไว้อย่างน่าสนใจยิ่งว่า!!! โดยนำคำสัมภาษณ์ของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ผู้เป็นหัวหน้าพรรค ที่ตอบถึงการลาออกของกรณ์ไว้ว่า

“………..ไม่ทราบกระแสข่าวมีสมาชิกคนอื่นๆ ลาออกอีก แต่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่มากว่า  70 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านสถานการณ์ที่มีทั้งคนเข้าและออกทุกยุคทุกสมัย

ซึ่งที่ผมพูด ไม่ใช่อยากให้มีคนลาออก แต่มองว่าการลาออกและเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ก็เป็นเรื่องปกติที่มีทุกสมัย

นั่นคือคำกล่าวของผู้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเปลว สีเงินฟังแล้วก็บอกไว้ในคอลัมน์ว่า

ด้วยทัศนวิสัย “การเมืองปริมาณ” ของหัวหน้าพรรคนี่เอง จึงไม่น่าแปลกใจ ที่คุณจุรินทร์เห็น “ไททานิก-ประชาธิปัตย์” ต่อหน้า-ต่อตา แล้วยังบอก “เรื่องปกติ”!

จากนั้นเปลว สีเงิน ยังนำเรื่องราวที่ได้อ่านที่ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย โพสต์เฟซเรื่องกรณ์ลาออไว้ว่า

เนื้อหา “หัวหน้าไม่รู้ปัญหาในพรรค”……… ผมว่าที่คุณสาทิตย์โพสต์ พออาศัยเป็น “กระจกส่อง” ให้ท่านหัวหน้าได้รู้ตัวเองและได้รู้ถึงความรู้สึกของคนร่วมพรรคบ้างพอสมควร

เรื่องการเมืองในพรรคฯ รู้ว่าในใจของกรณ์ รู้ว่าเขาถูกลดบทบาท และไม่ได้รับโอกาสจากพรรคฯ แต่กรณ์เป็นสุภาพบุรุษมากพอ ที่จะไม่ยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็น

กรณ์มีข้อกังวลและแนวคิดที่ก้าวหน้าหลายเรื่อง ที่อยากทำ แต่ไม่มีโอกาส และอาจคิดว่า ถึงเวลาที่ต้องลงมือสร้างเอง

การเข้า-ออก ของคนเป็นเรื่องปกติ เพราะคนระดับอดีต แกนนำพรรค เคยลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรค เคยทำงานให้พรรคด้านสร้างคนรุ่นใหม่ เคยเป็นถึงอดีต รมว.คลังของพรรค ลาออกจากพรรค ขณะเป็น ส.ส. มันปรกติตรงไหน?  นี่คือบางส่วนของเนื้อหาที่เปลว สีเงิน นำมารายงานให้ทราบกันจากการโพสต์ของสาทิตย์

ก่อนที่เปลว สีเงิน จะสรุป ว่าการแตกแยกนำไปสู่การล่มสลายของพรรคประชาธิปัตย์วันนี้เหตุมาจาก “หัวหน้าพรรค” ขาดหลักธรรมอันผู้บริหารพึงมี ทั้งพรหมวิหาร 4 ทั้งสังคหวัตถุ 4 ทั้งอิทธิบาท 4

มีอย่างเดียว คือ อคติ 4! ไม่โทษคนอื่น เพราะหัวหน้าพรรค ไม่ใช่ละครลิง ที่ต้องเล่นตามไม้เรียวคนคุมลิง และในเมื่อคนเป็นหัวหน้าพรรค แยกแยะ “ความต่าง” ในค่าของตัวเลข 700-800 กับ 14,000  ตามที่พูด ยังไม่ได้ ก็ไปขายถั่วเถอะ

ขืนเป็นหัวหน้าพรรคต่อไป จาก 3,947,726 คะแนน เลือกตั้งครั้งหน้า เหลือซักล้าน ก็ยังเสียวๆ นะ!

นั่นคือบทจบสุดท้ายที่คอลัมนิสต์เปลว สีเงิน ได้ทิ้งเอาไว้ให้พิจารณา?!?

ขณะที่มีรายงานจากภายในพรรคด้วยว่า จุรินทร์ ได้นัดจะเลี้ยงข้าวอดีตส.ส.และผู้สอบตก ในวันที่ 28 มกราคมนี้

การนัดครั้งนี้ของจุรินทร์ ไม่แน่ใจว่าเป็นกลยุทธ์อะไรหรือไม่ เพราะมีการตั้งข้อสังเกตกันอยู่เหมือนกันว่า จะเป็นการสกัดกั้นไม่ให้เลือดไหลออกไปมากกว่านี้??? หรือแค่กินข้าวแกล้มการเมืองเฉยๆ???

 

#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง