จากกรณีที่กำลังเป็นประเด็นของสายการบินไทย โดยมีรายงานเปิดเผยว่า พนักงานการบินไทยกำลังล่ารายชื่อพนักงาน เพื่อส่งเรื่องคัดค้านไปยังกระทรวงแรงงาน เนื่องจากรับไม่ได้กับข้อบังคับในการทำงานของบริษัทฉบับใหม่ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างใหม่ งาน เวลาพัก วันหยุด หลักเกณฑ์การทำงานล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด วินัยและโทษทางวินัย การเลิกจ้าง ค่าชดเชย ค่าชดเชยพิเศษ และข้อกำหนดอื่น ๆ เพื่อนำมาบังคบใช้กับพนักงานบริษัทภายหลังจากที่บริษัทหลุดจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ
ต่อมาเรื่องนี้ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากบนโลกโซเชียล จนทำให้ทางบริษัทการบินไทย ต้องออกประกาศข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของพนักงาน ว่าห้ามให้ข่าวเสียหายกับบริษัท หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางวินัยและผิดกฎหมาย
เว้นแต่มีหน้าที่หรือได้รับความเห็นชอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้มีอำนาจดำเนินการ และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถือเป็นการทำผิดวินัยร้ายแรง ซึ่งหากพบว่าฝ่าฝืนบริษัทจะดำเนินการลงโทษตามระดับความรุนแรง เช่น ตักเตือน ตัดเงินเดือน พักงาน หากทำผิดซ้ำอาจโดนลงโทษให้ออกจากงาน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “การบินไทย” ออกข้อบังคับ สั่งห้ามพนักงานให้ข่าวบริษัทเสียหาย ฝ่าฝืนโทษรุนแรงตามระดับความผิด
ล่าสุดการบินไทยได้เข้ายื่นคำร้องศาลต่างประเทศเพื่อไม่ถูกยึดทรัพย์ในประเทศต่าง ๆ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และอยู่ระหว่างยื่นต่อศาลสหรัฐฯ โดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบความคืบหน้าในการแก้ปัญหาการบินไทย สิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการก่อนการไต่สวนคำร้องตามที่ศาลได้รับคำร้องไปเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2563 ที่ผ่านมาแล้ว และกำหนดนัดไต่สวนวันที่ 17 ส.ค.2563 และเพื่อให้กระบวนการฟื้นฟูเป็นไปอย่างราบรื่น โดยระหว่างนี้ต้องเจรจากับเจ้าหนี้ต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้คัดค้าน
“ปัจจุบันการบินไทยอยู่ระหว่างยื่นคำร้องต่อศาลต่างประเทศเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ เพื่อไม่ถูกยึดทรัพย์ในต่างประเทศ ที่ยื่นไปแล้วประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น และที่อยู่ระหว่างดำเนินการคือศาลสหรัฐฯ”
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่าคณะกรรมการการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย ได้จัดทำรายงานระบุ ฐานะการเงินของการบินไทย ณ สิ้นปี 2562 มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิ 12,017 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 20.81% มีสินทรัพย์รวม 256,665 ล้านบาท และมีหนี้สินรวมอยู่ที่ 244,899 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากรวมหนี้สินของการบินไทยทั้งหมดจากเจ้าหนี้การค้า ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน เงินกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้อง หนี้สินตามสัญญาดำเนินงาน ฯลฯ จะมีหนี้สินสะสมกว่า 352,484 ล้านบาท
ส่วนประมาณการสภาพคล่องของการบินไทย พบมีภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถลดได้ประมาณเดือนละ 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งหากไม่ได้รับความช่วยเหลือ สภาพคล่องไม่เพียงพอที่จะใช้หมุนเวียนตั้งแต่เดือน มิ.ย.2563 โดยกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าหนี้ หากเจรจาสำเร็จจะทำให้มีสภาพคล่องมากกว่าประมาณการ
ทั้งนี้การดำเนินการตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการ แบ่งเป็น 7 กลุ่มย่อย ดังนี้
1.การดำเนินการกับเจ้าหนี้ คู่ค้า และการชำระหนี้
2.การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับศาลต่างประเทศ
3.การดำเนินการทางด้านทรัพยากรบุคคล
4.การติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอก
5.การบริหารจัดการข้อมูลและเอกสารที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการ
6.การสนับสนุนการจัดเตรียมสำเนาเอกสารเพื่อแจ้งเจ้าหนี้
7.การดำเนินการเรื่องงบประมาณและประมาณการผลการดำเนินงาน โดยต้องได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ
อย่างไรก็ตามทางด้านคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาการบินไทยได้ขอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากฎหมายต่าง ๆ ในความรับผิดชอบ ว่าจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานะที่เปลี่ยนไปของการบินไทยจากรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทมหาชนหรือไม่อย่างไร เช่น โรงพยาบาลเอกชน 4 แห่ง งดรับใบส่งตัวพนักงานที่ต้องการรับการรักษา ทำให้ต้องมีการสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อน
ขณะที่การเติมน้ำมันเชื้อเพลิงของการบินไทย มีปัญหาคือสถานบริการน้ำมันไม่จ่ายน้ำมันให้บริเวณลานจอด ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค.2563 แต่ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงไทย ยังให้ใช้ Fleet card หรือเครดิตในการเติมน้ำมันต่อไปได้ นอกจากนั้นธนาคารพันธมิตรยังระงับจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้นักบินและลูกเรือ ทำให้การบินไทยต้องโอนเงินให้โดยตรง และผู้ผลิตวัตถุดิบระงับส่งสินค้าให้ครัวการบิน จึงต้องพิจารณาปรับลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องและใช้เงินสดเท่าที่จำเป็น