ดูซิ!!! มีมีดปักหลังกรณ์ไหม??? ย้อนวันเลือกหน.พรรค ใครทำกรณ์ยิ่งกว่าเสียน้ำตา!?!

0

(1) เหตุเกิดเมื่อเย็นวันที่ 14 ม.ค.2563 กลุ่มส.ส.และอดีตส.ส. กลุ่มคนใกล้ชิดอภิสิทธิ์ จัดงานเลี้ยงปีใหม่ มีกรณ์ เข้าร่วมด้วย

(2) งานเลี้ยงไม่ปรากฏส.ส.ใกล้ชิดจุรินทร์ มาร่วม ซึ่งในงานกรณ์ได้คุยถึงการตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยยื่นหนังสือลาออกในวันที่ 15 ม.ค.63

(3) ทั้งที่กรณ์ เป็นส.ส.ของพรรคตั้งแต่ปี 2548 อยู่กับพรรคมายาวนานถึง 15 ปี

(4) อภิสิทธิ์ กล่าวให้กำลังใจส.ส.ให้รักษาจิตวิญญาณและอุดมการณ์อย่างมั่นคง ขณะกรณ์ ได้ขึ้นไปร้องเพลง รักเธอเสมอ ด้วยการหลั่งน้ำตา

(5) เมื่อร้องจบเพลงอภิสิทธิ์ ได้เดินเข้าไปสวมกอดเพื่อให้กำลังนายกรณ์ด้วย จนเป็นภาพที่เผยแพร่กันอยู่

(6) เหตุผลของการลาออก นอกจากความผิดหวังคณะผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันที่ปิดกั้นบทบาทของกรณ์ทุกทางแล้ว ยังเรื่องสำคัญของการตัดสินใจในครั้งนี้ด้วย???

(7) ต่อมาอภิสิทธิ์ โพสต์ภาพกอดกรณ์ลงในไลน์ เรียกว่า หนึ่งภาพแทนคำล้านคำเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็มีการตั้งข้อสงสัยว่า แท้แล้วอภิสิทธิ์ คิดอย่างไรกับคนที่ชื่อ กรณ์ !?!

(8) ซึ่งจะคิดอย่างไรก็เป็นในส่วนความรู้สึกข้างใน แต่สิ่งที่อยากจะพาย้อนกลับไปดูในวันเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะอาจจะพอเป็นคำตอบได้บ้างไม่มากก็น้อยว่าอภิสิทธิ์คิดอย่างไรกับกรณ์???

(9) การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์วันที่ 15 พ.ค.จะมีคนที่ได้รับการเสนอชื่อในที่ประชุมมี 4 คน คือ นายกรณ์ จาติกวณิช , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ , นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

(10) กรณ์ เดินสายพบว่าที่ ส.ส.หลายพื้นที่ เช่น ภาคใต้และภาคกลาง รับฟังปัญหามากำหนดแนวทางแก้ไข และยังมีการนัดรับประทานอาหารร่วมกับสื่อมวลชน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง ทั้งได้วางตัวนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ให้เป็นเลขาธิการพรรคด้วย

(11) คำถามคือ กรณ์ มั่นใจได้อย่างไรในการลงสมัครเลือกหัวหน้าพรรค ทั้งที่รู้ว่าคะแนนเสียงจะต้องใช้จากอดีตส.ส. ถ้าไม่ใช่กรณ์เป็นคนของอภิสิทธิ์ และอภิสิทธิ์ ได้ตกปากรับคำให้การสนับสนุน???

(12) ขณะจุรินทร์ เดินสายพบปะโหวตเตอร์ที่มีสิทธิลงคะแนน โดยถือเป็นตัวแทนสายนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค

(13) อภิรักษ์ มีข้อเสียเปรียบนายกรณ์และนายจุรินทร์ ตรงที่ไม่ได้เป็นส.ส. ทั้งนี้มีความกังวลใจในหมู่สมาชิกพรรคว่าคะแนนจะเป็นเบี้ยหัวแตก

(14) กลุ่มถาวร เสนเนียม เสนอชื่อนายพีระพันธุ์ เป็นหัวหน้า

(15) การชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อกันในที่ประชุมใหญ่ ซึ่งมีองค์ประชุมทั้งหมด 307 คน แบ่งการคำนวณคะแนนออกเป็น 2 ส่วน คือ ส.ส.ใหม่ 52 คน มีน้ำหนักในการโหวต 70 % ในการคำนวณคะแนนเลือกตั้ง

(16) ส่วนที่ 2 ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า อดีตส.ส. อดีตรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรค อดีตเลขาธิการพรรค กลุ่มผู้บริหารท้องถิ่น กลุ่มหัวหน้าสาขาพรรคหรือตัวแทนจังหวัด กลุ่มตัวแทนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งชุดล่าสุด 25 คน โดยในส่วนนี้จะมีน้ำหนักในการโหวตเพียง 30 %

(17) แต่สุดท้ายอภิสิทธิ์ กลับไปช่วยจุรินทร์ ทั้งที่ให้สัญญาใจกรณ์ไว้แล้วว่าจะเทคะแนนเสียงเลือกกรณ์ ขณะชวนไปหนุนอภิรักษ์ และถาวรก็ช่วยเต็มที่ต่อพีระพันธุ์

(18) ก่อนโหวตลงคะแนนคาดกันว่า กรณ์ น่าจะมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. ประมาณ 14-16 เสียง แต่โหวตจริงกลับได้เพียง 5 เสียง

(19) การที่อภิสิทธิ์ ที่มีส.ส. อยู่ในมือ 12-13 เสียงเปลี่ยนใจ??? ดูไม่ต่างไปจากการหักหลังกรณ์ เพราะความเป็นจริงย่อมชัดสำหรับกรณ์ หากไม่มีใครมาช่วย ก็คงไม่มาตั้งแต่แรก???

(20) และเรื่องนี้ยิ่งจะเจ็บปวด ถ้าการกลับลำของ อภิสิทธิ์ ถูกมองว่าวางหมากเล่นเกมตั้งแต่แรก เพราะไม่ต้องการให้คู่แข่งเช็คเสียงได้ว่าใครหนุนใครอยู่กี่คะแนน นั่นคือความจริงแล้ว อภิสิทธิ์ อาจจะหนุน จุรินทร์ อยู่ก่อนแล้ว!!! ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้น้ำตาของกรณ์อาจยิ่งหลั่ง?!?

(21) เพราะถ้าอภิสิทธิ์ หรือทีม หนุนกรณ์โดยเทคะแนนมาให้ แล้วกลัวจะแพ้พีระพันธุ์ ก็ควรจะบอกกรณ์ก่อน แต่กลับไปช่วยจุรินทร์ ซึ่งการไม่บอกก็คือ การแทงข้างหลังใช่หรือไม่???

(22) หากกรณ์นำ 5 เสียง มาให้ พีระพันธุ์ รวมกับ ส.ส. ที่ลงคะแนนให้กับอภิรักษ์ อีก 2 เสียง ทำให้มีคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นมาเป็น 27 เสียง เช่นนี้พีระพันธุ์ก็จะชนะฝั่งอภิสิทธิ์

(23) โดยหลังจากนั้นก็เข้าร่วมรัฐบาลกับขั้วพลังประชารัฐ ซึ่งพีระพันธุ์ได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และจะไม่เป็นรัฐมนตรี นั่นเองกรณ์ก็จะได้เป็นรัฐมนตรีในทันทีถ้าเป็นไปตามนี้!!!

(24) แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังกล่าว เพราะกรณ์ได้ปฏิเสธในเงื่อนไขนั้น เพราะกรณ์ไปเชื่อมั่นใคร???  ที่ทำให้วันนี้ต้องหลั่งน้ำตา!!! โดยมีมีดปักหลังอยู่หรือไม่?!?

 

#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง