ทนายรณณรงค์ปะทะนักเคลื่อนไหว ใส่ร้ายรัฐอุ้ม “วันเฉลิม” เป็น-ตายก็ต้องหาให้เจอ

0

จากกระแสว่ามีการอุ้ม วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ต้า อายุ 37 ปี นักกิจกรรมทางการเมือง และผู้ต้องหาคดีกระทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ขณะลี้ภัยอยู่ในกัมพูชา เมื่อ 4 มิ.ย.63 ซึ่งบ้างก็ว่าตายแล้วและบางคนก็พูดว่าอาจยังไม่ตาย ทำให้เกิดความสงสัยในข้อเท็จจริงเรื่องนี้?

ล่าสุด รายการ เรื่องลับมาก (NO CENSOR) ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.20-15.00 น. ผ่านทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ ล่าสุด ดร. เสรี วงษ์มณฑา ได้สัมภาษณ์ ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ตัวแทนประชาชนผู้ไม่ยอมนิ่งเฉย และ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร เรื่อง “วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์”

โดยเริ่มที่คำถามว่า ตัวแทนประชาชนผู้ไม่ยอมนิ่งเฉยคืออะไร?

ภูมิวัฒน์ : “มันเป็นแค่คำเอาไว้แสดงจุดยืนเฉยๆ วันนั้นรวมตัวกันผ่านโพสต์เฟซบุ๊กของเพื่อนคนนึงที่ตกลงกันว่าจะไปยื่นจดหมาย”

จุดยืนอันนี้เป็นติ่งส้มมั้ย?

ภูมิวัฒน์ : “ไม่ใช่เลย เพราะผมไม่ได้ไปในนามพรรคไหน แล้วผมก็ไม่ใช่แฟนคลับติ่งส้มแน่นอน”

ทนายรณณรงค์ ดูเหมือนกระแสตอนแรก มันเข้ามาในลักษณะเหมือนรัฐบาลไทยเป็นคนสั่งการให้ไปอุ้มถึงเขมร?

รณณรงค์ : “อย่างแรกอุ้มจริงหรือไม่จริง ก็ต้องเสียใจกับทางญาติ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีนี้อีกมุมนึงการที่บอกว่าภาครัฐไปดำเนินการอุ้ม มันก็พูดยากนะ แต่อีกส่วนนึงอันนี้เกิดที่ต่างประเทศ โดยปกติแต่ละประเทศจะไม่แทรกแซงกัน ของเรากับเขมรก็ไม่ได้ยุ่งอะไรกัน ถ้าจะเกิดเหตุในประเทศเขาก็ให้รัฐบาลเป็นคนดำเนินการทั้งหมด”

แต่การแทรกแซงถึงขั้นจัดคนไปอุ้มเขาถึงเขมรนี่ ได้มั้ย?

รณณรงค์ : “ถ้าลองเขมรมาทำที่เมืองไทย เมืองไทยก็จับนะครับ เพราะใช้กฎหมายไทย พอไปเขมรก็ใช้กฎหมายเขมร โดยหลักการเรื่องการก้าวข้ามอำนาจอธิปไตย เราจะไม่ทำกันโดยเด็ดขาด ตร.สากลก็มีหลักของเขา ผมยังแปลกใจเลยว่าทำไมทางญาติมาร้องเรียนทางรัฐบาลไทย ทำไมไม่ไปเริ่มสอบสวนสืบสวนที่เขมรก่อน ที่ผมพูดได้เพราะผมเคยเป็นทนายความให้สถานทูตเพื่อนบ้านหลายคดีใหญ่ ทุกอย่างต้องเริ่มจากจุดที่เกิดเหตุก่อน แล้วถ้าเจ้าของประเทศเขาไม่ทำให้ ก็กลับมาหาสถานทูตไทย สถานทูตไทยจะส่งตัวแทนไปตามเรื่องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นี่คือกระบวนการ”

แปลว่าญาติต้องเข้าไปที่เขมรเหรอ?

รณณรงค์ : “ต้องไปสิครับ ถ้าญาติไม่ไป แล้วจะให้รัฐบาลไทยไปตาม มันก็ไม่มีข้อมูล ผมไม่แปลกใจว่าทำไมฝ่ายเขมรเขาบอกว่าเขาไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย จะรู้ได้ยังไง ก็คุณไม่ให้ข้อมูลเขา ถ้าให้ข้อมูลไป เขาจะสืบสวนสอบสวนว่าใครเป็นคนทำ ถ้าสมมติตัดทุกประเด็นออกแล้วไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย เป็นเรื่องการเมืองหรือเปล่า ค่อยย้อนกลับมา”

เห็นเขมรบอกว่าไม่มีตัวตน ไม่มีเข้าไป ไม่เป็นผู้ลี้ภัย?

รณณรงค์ : “ก็มีหมายจับเมืองไทย หลบหนีเข้าเมืองเขาผิดกฎหมายหรือเปล่า นี่ดีนะเขายังไม่ได้อธิบายเรื่องนี้มา”

โอกาสรัฐบาลไทยเข้าไปยุ่มย่ามไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ขณะเดียวกัน คุณธนาธรบอกว่ารัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบ อย่างนี้โหนมั้ย?

รณณรงค์ : “แหม ต้องบอกอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าเกิดที่เมืองไทย รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ทีนี้มันเกิดที่ต่างประเทศ สมมติเราส่งตำรวจทหารไปที่เขมร เขาก็จับตำรวจทหารเราได้นะครับ เพราะเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกส่วนหนึ่งต้องเอาให้ชัดก่อน มันเกิดในต่างประเทศ คนที่เข้าไปมีหมายจับที่เมืองไทยและหลบหนีไปต่างประเทศ ผมว่าต้องย้อนไปดูที่มาที่ไปก่อน จะบอกว่ารัฐบาลไทยทำ คนเห็นต่างทางการเมืองถูกดำเนินการโดยภาครัฐ ถ้าเขาอยู่เมืองไทยก็ไม่เห็นโดนจับ ผมเห็นคนแรงกว่านี้ตั้งเยอะแยะ”

น้องเข้าไปยื่นเอกสาร ปรากฎว่าพรรคซึ่งเกี่ยวพันกับธนาธรเป็นคนมารับ ไม่กลัวว่าจะโหนเรื่องนี้ร่วมกับธนาธรเหรอ?

ภูมิวัฒน์ : “ผมเคยไปร่วมงานกับพรรคการเมืองหลายฝ่าย ขั้วการเมืองหลายขั้ว ผมถูกด่าจากทุกฝ่ายมาตลอดชีวิตอยู่แล้ว ผมเคยไปประชาธิปัตย์ก็โดนติ่งส้มด่าหนักมากเมื่อ 2-3 ปีก่อน ผมไปเจออ.สุระ ผมก็เจอพวกเสื้อแดงด่าหลายครั้ง ฉะนั้นผมไม่แคร์ครับ”

ไม่กลัวถูกกล่าวว่าเกี่ยวข้องธนาธรแน่เพราะไปยื่นพรรคนี้?

ภูมิวัฒน์ : “คนร้อยพ่อพันแม่ เขาก็พูดกันไปตามวิสัยของเขากันเอง ไม่ใช่เรื่องของผม เขาจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา”

ไปยื่นหนังสือต้องการอะไร?

ภูมิวัฒน์ : “สิ่งที่ผมเรียกร้องชัดเจนคือหนึ่งต้องการให้รัฐติดตามกรณีการอุ้มสูญหาย ไม่ใช่แค่กรณีคุณวันเฉลิม แต่รวมไปถึงนักกิจกรรมทางการเมืองคนอื่น ที่ถูกบังคับสูญหายเหมือนกันในต่างประเทศ สองผมต้องการให้มีการผลักดันพ.ร.บ.อุ้มหายแบบนี้”

เขากล่าวหากันรุนแรงแบบนี้ รัฐบาลไทยทำอะไรได้บ้าง?

รณณรงค์ : “โดยส่วนใหญ่ผมยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไปที่รัฐสภา จริง ๆ ต้องไปกระทรวงการต่างประเทศ ถ้ากระทรวงการต่างประเทศไม่ทำงานให้ก็อีกเรื่องนึง พอไปเสร็จก็ใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตค่อยประสานงานตร. หรือเจ้าหน้าที่เขมรให้สืบสวนคดีนี้ ถ้าเขาไม่ทำค่อยดำเนินการต่อ ไม่ใช่ไปบอกเลยว่าภาครัฐบาลไทยทำโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย”

การไปที่รัฐสภา อาจมีคนคิดว่าน้องก็กำลังมีในใจ โทษว่ารัฐบาลไทยทำ?

ภูมิวัฒน์ : “ผมไม่คิดอย่างนั้นเลย ตอนที่ไปผมคิดในใจอย่างเดียว คน ๆ นึงหายไป คนเป็นพ่อเป็นแม่รู้สึกยังไง ผมเคยหายไปจากบ้านพ่อแม่เสียใจหนักมาก ดังนั้นผมรู้สึกว่าผมเข้าใจความรู้สึกคนเป็นพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ดี ๆ เขาไม่สามารถติดต่อลูกชายเขาได้เป็นอย่างดี”

แม้ว่าเขาผิดถูกยังไงต้องตามหา?

ภูมิวัฒน์ : “ใช่ครับ”

ทนายบอกว่าเรื่องอย่างนี้ถ้าจะเริ่มต้น ต้องเริ่มที่กระทรวงการต่างประเทศ น้องจะไปมั้ย?

ภูมิวัฒน์ : “ไปครับ ถ้ามีคนชวนผมไป ผมก็จะไปแน่นอน”

ญาติต้องไปเขมร จะแนะนำญาติเขามั้ย?

ภูมิวัฒน์ : “ผมไม่รู้จักญาติเขาส่วนตัว แต่ถ้ามีช่องทางติดต่อผมจะประสานงานให้แน่นอน และอาจเชิญคุณทนายไปให้คำปรึกษาเรื่องคดีนี้ด้วย”

กรณีสวยแต่มงไม่ลงตอนไปนางงามจักรวาล เราอยู่ด้วยความหวาดกลัว เราจะมีความหมายอะไร ถ้าไม่แสดงความคิดเห็นตรงนี้ วันเฉลิมหายไปไหน ทำไมไม่ทำอะไร คิดยังไง?

รณณณงค์ : “วันเฉลิมไม่ได้หายที่เมืองไทยนะครับ ถ้าวันเฉลิมหายที่เมืองไทย เจ้าหน้าที่ไทยเอาไปดูแลอันนี้สามารถวิจารณ์ได้เต็มที่ แต่อันนี้ไปอยู่ต่างแดน ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องธุรกิจ ส่วนตัวหรือชู้สาว ถ้ามาสอบสวนที่เมืองไทยแล้วพี่สาวไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ตำรวจไทยก็ทำอะไรไม่ได้ เอาง่ายๆ ถ้าเกิดที่เมืองไทย เขาต้องถามว่าคุณมีเหตุขัดแย้งกับใครบ้าง คุณบอกรัฐบาล หน่วยงานไหน ใครที่คุณขัดแย้งด้วย กระทรวงไหน กรมไหนก็ต้องบอกข้อมูลได้ ไม่ใช่ลอยๆ ว่ารัฐบาล แล้วมันใครล่ะ มันกว้างเกินไป”

ถ้าเป็นทนาย เขาบอกได้คุยกับน้อง 30 นาที แต่สิ่งที่ออกมาจากน้อง น้องบอกว่าเขาหายใจไม่ออก ถ้าเป็นทนายจะถามอะไรบ้างใน 30 นาที?

รณณรงค์ : “ไปอยู่ที่นั่นใช้เงินที่ไหน ไปทำธุรกิจอะไร เข้าไปได้ยังไง มีเหตุโกรธเคืองกับใคร น้องได้เล่าให้ฟังมั้ย แค่นี้สามารถรู้ได้เลยว่าจะเป็นกลุ่มไหน”

ทำไมออกมาแค่เรื่องหายใจไม่ออก?

รณณรงค์ : “มันอาจมีข้อมูลบางอย่างที่เขารู้และไม่อยากเปิดเผยในที่สาธารณะหรือเปล่า ถ้าเราอยากให้เขาตามตัวมาเป็น ๆ เราต้องให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ แล้วมาบอกเจ้าหน้าที่รัฐทำแล้วไม่ให้ข้อมูล ไม่ได้ ในเมืองไทยถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐทำ เราก็มีปปช. หรือหน่วยงานอื่นมาคานอำนาจกัน ไม่ใช่ปล่อยประละเลย ที่เขมรก็น่าจะมีเหมือนกัน แต่เราต้องไปเริ่มต้นที่กฎหมายเขมรก่อน”

น้องเขาบอกหายใจไม่ออก แต่ไม่มีอย่างอื่นเลย ในฐานะที่น้องทำเรื่องนี้ อยากรู้ข้อมูลอะไรบ้าง?

ภูมิวัฒน์ : “ถ้าเกิดผมเป็นพี่สาว ผมน่าจะได้ติดต่อกับเขามาตลอด เรื่องเขาทำอะไรที่ไหน หากินยังไง ตลอดหลายปีเขาก็คงรู้ คงไม่ได้มารู้แค่ในบทสนทนา 30 นาทีหลัง ส่วนเรื่องหายใจไม่ออก ผมก็มองว่ามันยังมีความเป็นไปได้ ยังไม่ควรถูกตัดทิ้งไม่ว่าจะมุมไหน เราลองดูกรณีที่เกิดขึ้น เรื่องเก่า ๆ ที่ผ่านมา มีคำว่าหายใจไม่ออกบ่อย ที่อเมริกาก็มีหายใจไม่ออก 4-5 คนมาแล้ว ที่เป็นคนผิวสี หรือกรณีตากไบ ยุคคุณทักษิณ มีคนไปซ้อน ๆ อุ้ม ๆ เรียง ๆ กอง ๆ กันเหมือนไม่ใช่มนุษย์ เขาก็พูดกันว่าหายใจไม่ออก ตอนเขาอยู่และขาดหายใจกันตาย คิดว่าเขาอาจหายใจไม่ออกจริง ๆ ก็ได้ และความเป็นไปได้ตรงนี้ก็ไม่ควรถูกตัดทิ้ง”

ทนายล่ะ?

รณณรงค์ : “อันนี้เป็นเรื่องกรรมาวิธีไปเอาตัวเขามา มันบอกได้อย่างหนึ่งว่าเขาไม่อยากจะไปด้วย แต่ถูกใช้กำลังบังคับไป ทีนี้ต้องมาดูว่าใครบังคับเขาไป แต่กรณีนี้ต่างจากการเหยียดผิวสีที่อเมริกา ของฟรอยด์ เขาไม่ได้หนีหมายจับไปต่างประเทศนะครับ ของคุณวันเฉลิมมีหมายจับที่เมืองไทย แล้วก็ไปต่างประเทศ และก็หายไป มันไม่เหมือนกัน”

ในแง่ของพยานหลักฐานล่ะ?

รณณรงค์ : “ของฟรอยด์ มันเห็นชัดเจน มีเจ้าหน้าที่ตร.กระทำชัดเจน แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐชัดเจนแต่อาจจะลงมือเกินกว่าเหตุไปก่อน แต่ของคุณวันเฉลิม ยังไม่รู้เลยใครดำเนินการ เป็นมาเฟีย เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือบุคคลอื่น ยังตอบไม่ได้เลย”

หลายคนตั้งข้อสงสัย ว่าเขาคุยกันตั้ง 30 นาที แต่พี่สาวเอาออกมาแค่หายใจไม่ออก ในฐานะผู้เคลื่อนไหว ถ้ามีโอกาสได้เจอพี่สาวเขา จะถามคำถามอะไรเขาบ้างเพื่อให้การเคลื่อนไหวมีความชอบธรรม?

ภูมิวัฒน์ : “ผมไม่ถามอะไรเลยครับ อย่างแรกเป็นเรื่องส่วนตัว สองผมไม่แคร์ว่าเขาจะโดนอะไร ทำยังไง เรื่องคดีเป็นเรื่องคดี เรื่องกฎหมายผมไม่อยากไปยุ่งด้วย มันยาก และผมไม่เข้าใจแน่นอน ผมโง่เกินไป แต่ที่ผมสนใจคือเขาเป็นคน เป็นมนุษย์ เขาเป็นคนหายตัวไป ถ้าวันนึงดร.เสรีหายไปจากบ้านพักที่อเมริกา ผมก็จะไปช่วยตามหาให้แน่นอน ผมกล้ายืนยันเรื่องนี้แน่นอน”

โดยไม่ต้องรู้อะไรเพิ่มเติม?

ภูมิวัฒน์ : “ใช่ครับ”

แล้วไม่อยากรู้เรื่องอะไรเลยเหรอ เอาแค่ประเด็นเดียวว่าเขาหายไป?

ภูมิวัฒน์ : “ผมไม่อยากรู้ ผมไปซักไซร้ทุกอย่างไม่ได้”

เรื่องนี้จะเคลื่อนไหวยังไงต่อไป?

รณณรงค์ : “ผมต้องการเจอว่าเขาเป็นหรือตาย ถ้าตายต้องการเจอชิ้นส่วนกระดูก ถ้ายังอยู่ต้องการเจอว่าอยู่ที่ไหนและใครเอาไป และผมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวเขากลับมาให้ได้ แม้เขาจะอยู่ต่างประเทศ เราต้องไปตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่างที่เราไปถึง เราจะไม่ลัดขั้นตอน ถ้าหน่วยงานไม่ดำเนินการ เราค่อยดำเนินการกับหน่วยงานที่สูงกว่าอีกทางนึง อย่างกรณีนี้ผมเชื่อว่าศักยภาพในเขมรจะต้องหาตัวได้ว่าใครเป็นคนเอาตัวไป เพียงแต่ข้อมูลเขามีน้อย ยกตัวอย่างผู้ลี้ยภัยในต่างประเทศมาหายที่เมืองไทย ผมบอกได้เลยว่าคดีระดับนี้ ผบ.ตร. ในเมืองไทยลงมาดูคดีเองแน่นอน เพียงแค่สถานทูตในประเทศนั้นๆ ร้องขอเข้ามา ความสัมพันธ์ทางการทูตทำให้หลายคดียิ่งกว่าคดีคนหาย อย่างเด็กพม่าที่หลบหนีเข้ามาหายในไร่อ้อย ใครจะไปนึกว่าวันดีคืนดี หน่วยงานทุกหน่วยงานของรัฐบาลไทยเข้าไปช่วยเด็กต่างด้าวคนหนึ่ง ผมมองว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพียงแต่ว่าต้องไปให้ถูกขั้นตอน ไม่ใช่มาโจมตีว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลย เขาอาจจะทำก็ได้แต่ไม่จำเป็นต้องบอกทุกอย่าง”

อ่านเพิ่มเติม : https://www.nationtv.tv/main/content/378780072/?aig=