เมื่อเวลา 12.40 น.วันที่ 9 มิ.ย.ที่ตึกสันติไม่ตรีทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุม ครม.ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. รวมทั้งผลสำรวจประชาชนที่คัดค้านว่าไม่เหมาะสม เพราะจะกลายเป็นการเปิดช่องให้นักการเมืองเข้ามาหาผลประโยชน์
ว่า สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ หลายวันนี้ตนได้ติดตามดูซึ่งก็มีข่าวกันทุกวัน ขอยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมืองดำเนินการไป
“ ในส่วนของการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นเรื่องของผม ผมจะรู้เองว่าควรจะพิจารณาเมื่อไหร่ อย่างไร แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องเสนอตัว กันมาเยอะแยะในขณะนี้ พรรคร่วมก็เป็นเรื่องของพรรคร่วม ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลก็มีหลายพรรค เพราะฉะนั้นใครจะเป็นหรือไม่เป็นผมยังไม่ได้คิดซักอย่าง วันนี้ขอทำงานไปก่อนเพราะฉะนั้นกรุณาเลิกและงดเสนอข่าวพวกนี้ได้แล้ว มันเหมือนดราม่า มันเหมือนละครสักเรื่องหนึ่ง ดังนั้นก็เหมือนดูละคร ก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวเหมือนกัน อย่าเพิ่งไปถึงตรงโน้นเลย อย่าพึ่งมาถามว่าผมจะปรับ ครม.หรือยัง ถ้าปรับเมื่อไหร่ผมจะบอกเองบางทีไม่ต้องบอกผมก็ปรับเอง มันเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียวในการที่จะปรับ ครม.ซึ่งก็มีสัดส่วนของแต่ละพรรคอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคจะว่ากันมา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าผลงานในรอบ 1 ปีพอใจมากน้อยเพียงใด นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถือว่าพอใจ อยู่ในเกณฑ์ที่พอใจเพราะหลายอย่างที่ขับเคลื่อนมาก่อนหน้าได้รับการขับเคลื่อนต่อ อะไรที่มีปัญหาก็แก้ไขเช่นเรื่องรัฐวิสากิจต่างๆก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขและบางกรณีก็ต้องรอเวลาให้สุกงอมถึงจะทำได้เนื่องจากติดขัดในข้อกฏหมายหลายประการ
เมื่อถามหาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค พปชร.จะกระทบกับการทำงานในส่วนของรองนายกฯซึ่งเป็นฝ่ายบริหารหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ทำไมล่ะ ถ้าท่านรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ ก็เป็นเรื่องของท่าน ๆก็ต้องบริหารของท่านให้ได้ ผมมีหน้าที่ทำงานร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ต้องทำงานทั้งสองด้านให้ได้ ถ้าท่านจะรับงานตรงโน้นก่อน ท่านก็ต้องทำงานตรงนี้ให้ได้เหมือนเดิม”
เมื่อถามว่าจะทำให้งานของนายกฯหนักมากขึ้นหรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หนัก ทุกคนทำงานได้หลายอย่าง เรื่องของพรรคการเมืองก็เป็นเรื่องของพรรค ไม่เกี่ยวกับการปรับ ครม.จะมาโยงกันได้อย่างไร การปรับ ครม.ก็เป็นเรื่องของ ครม.ก็มีสัดส่วนของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าการที่นายกฯขอสื่อไม่ให้ถามเรื่องการปรับ ครม.แล้วได้สะท้อนไปยังผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว รวมทั้งร่วมรัฐบาลต่างๆแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ”ผมพูดไปหมดแล้วเมื่อสักครู่ผมก็พูดไปแล้ว ที่สำคัญสื่อก็อย่าไปถามเขาก็แล้วกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่กระแสข่าวการปรับ ครม.โดยเฉพาะ 3 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพราะเกรงว่าอาจจะหลุดจากตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครหลุดหรือไม่หลุดเลย ใครจะหลุดใครจะเข้าผมยังไม่ได้ดูเลยทั้งสิ้น ผมเอางานวันนี้ให้ได้ก่อน ก็ทำงานไปคนที่อยู่ในตำแหน่งวันนี้ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน”
เมื่อถามว่าเมื่อถามว่าถ้ามติที่ประชุมของพรรค พปชร.เลทอก พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่ขัดข้องใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ให้เป็นเรื่องของพรรค พปชร.เขา ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงสุขภาพของพล.อ.ประวิตรหรือไม่ เพราะมีอายุมากแล้วหากยังต้องรับ 2 ตำแหน่งก็อาจจะมีปัญหาได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ไปถามท่านดู สื่อเองก็รู้ว่าพรรคการเมืองก็เป็นแบบยิบย่อย ซึ่งทุกพรรคก็เป็นแบบนี้ เพียงแต่จะออกสื่อหรือไม่ออกผ่านสื่อเท่านั้นเอง วันนี้ก็เป็นประเด็นทอล์คออฟเดอะทาวน์กันอยู่เป็นเรื่องสำคัญที่สื่อคุ้ยกันทุกวันอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่านายกจะเข้าไปสยบปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมจะไปสยบอะไรเล่า ก็เพียงแต่ขอร้องว่าอย่าพูดกัน ให้ข่าวกันแล้วคนตัดสินใจเรื่องปรับครม. ก็คือผมเข้าใจหรือไม่ ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ในส่วนพรรคของท่านก็ไปเตรียมการคนของท่านไว้ เมื่อไหร่ที่ผมปรับ ก็นำมาพิจารณา และเมื่อผมพิจารณาแล้วหากเห็นว่าไม่เหมาะสมผมก็เปลี่ยนคนเท่านั้นเอง อำนาจผมมีอยู่แล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ 3 รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ทั้งนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จะมีการพูดคุยกัน
ถึง. ยืนและท่าทีต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาก็คุยกันไป ก็คุยกันทั้งนั้น
เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายกฯแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่คุยด้วยน่ะซิ”
เมื่อถามว่าแล้วได้คุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีแล้วหรือยังพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่ได้คุย”