จากที่วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ต้า วัย37ปี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองไทยที่อยู่ในกัมพูชา ซึ่งอ้างกันว่าถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มหน้าคอนโด เมื่อ 4 มิ.ย.63
ต่อมาเพจ “ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา” ออกมาประกาศตามหาตัวนายวันเฉลิม โดยระบุว่า คนหาย ชื่อ :นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเล่น : ต้าร์ อายุ : 37 ปี สัญชาติ : ไทย สถานะ: ผู้ลี้ภัยทางการเมือง วันที่หาย : 4 มิถุนายน 2563 เวลา 16.40 น. สถานที่หาย : กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา สาเหตุการหาย : คาดถูกบังคับให้สูญหาย
ล่าสุดวันนี้(9มิ.ย.63) เฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวอีกครั้งอย่างมีรายละเอียดว่า มีเพื่อนสมาชิก ไม่สบายใจและตั้งคำถามเกี่ยวกับกระบวนการประกาศตามหาคุณวันเฉลิม มูลนิธิกระจกเงา จึงขออธิบายและตอบคำถามดังนี้
1.การทำประกาศคนหาย โดยมูลนิธิ เราวางหลักเกณฑ์เงื่อนไขเบื้องต้น เพื่อป้องกันการหลอกลวง การแจ้งเรื่องเท็จ การกลั่นแกล้ง หรือการใช้ประกาศคนหายเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
2.หลักเกณฑ์ดังกล่าว มีเงื่อนไขดังนี้ (1)ต้องเป็นการแจ้งเหตุมาที่มูลนิธิกระจกเงาโดยตรงไม่ว่าช่องทางใด (2)ผู้แจ้งเหตุ มีความสัมพันธ์เป็นญาติหรือมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคนหาย (3)มีการแจ้งความคนหายโดยมีเอกสารยืนยัน (4)เป็นการหายที่มีสาเหตุและมีความจำเป็นต้องประกาศเพื่อขอรับเบาะแส หากไม่จำเป็นหรือการประกาศอาจเกิดผลกระทบต่อตัวคนหาย เช่น กรณีเด็กวัยรุ่นสมัครใจหนีออกจากบ้าน จะไม่ประกาศ แต่ใช้การสืบสวน
3.แม้จะมีการตั้งหลักเกณฑ์เงื่อนไขไว้เบื้องต้น แต่มีบางกรณีที่ไม่ครบเงื่อนไขหลักเกณฑ์ แต่ทีมงานพิจารณาแล้ว มีความจำเป็น ที่ต้องประกาศ หรือ เป็นกรณีการหายตัวไปที่ไม่สามารถทำตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขได้ด้วยสภาพการหายตัวไป สภาพที่เกิดเหตุ หรือเป็นกรณีคนหายที่อยู่ในความสนใจของสาธารณะและถูกตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากสาธารณะและสื่อสารมวลชนกระแสหลักที่น่าเชื่อถือได้แล้ว
4.กรณีตามข้อ 3 มักเป็นเหตุพิเศษ ไม่ใช่การหายตัวแบบปกติ ซึ่งทีมงานจะใช้การตรวจสอบข้อมูล พิจารณาอย่างรอบคอบ ด้วยประสบการณ์ ความรู้ ความตระหนักและจิตวิญญาณขององค์กรที่ทำงานตามหาคนหายมาเกือบ 20 ปี
5.มีกรณี คาดว่าเป็นการถูกบังคับให้สูญหาย ที่ญาติไม่ได้แจ้งมาที่มูลนิธิกระจกเงา โดยตรงแต่เราช่วยทำการประกาศและสื่อสารข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีคุณบิลลี่ และกรณีทนายสมชาย นีลไพจิตร
6.กรณีคุณวันเฉลิม เหตุเกิดตั้งแต่ 4 มิย 63 ช่วงเย็น ทีมงานเริ่มรับทราบข่าวในช่วงคืนวันเดียวกันนั้นจากสื่อออนไลน์ โดยพยายามตรวจสอบข้อเท็จริงเบื้องต้นจากสื่อกระแสหลักที่น่าเชื่อถือ จากบุคคลที่น่าเชื่อถือที่อาจให้ข้อมูลหรือให้การรับรองผู้ที่เปิดประเด็นผ่านสื่อได้ซึ่งบุคคลอ้างอิงตามข่าว เป็นพี่สาวของคุณวันเฉลิม ซึ่งเป็นญาติสายตรง จึงเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือว่ามีเหตุเกิดขึ้นจริง
7.โดยลักษณะการเกิดเหตุ สถานที่เกิดเหตุ ถ้าพิจารณาแล้ว จะพบว่า ญาติไม่สามารถไปแจ้งความคนหายโดยตรงกับสถานีตำรวจที่กัมพูชาได้ทันทีทันใด เหตุเกิดช่วงเย็นวันพฤหัสที่ 4 มิ.ย.63 ซึ่งญาติคงกำลังร้อนใจ และพยายามตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ในวันต่อมาซึ่งเป็นวันศุกร์ที่ 5 มิ.ย. 63 ญาติก็คงพยายามหาข้อเท็จจริงให้มากที่สุด แต่เพราะอยู่คนละประเทศกับคนหายกระทั่งติดช่วงเวลาเสาร์อาทิตย์ ซึ่งไปดำเนินการกับหน่วยงานราชการในไทยไม่ได้
8.เราตระหนักดีว่า ญาติคนหายเกือบทั้งหมด ไม่มีประสบการณ์ในการตามหาคนหาย เพราะไม่ได้เจอเรื่องนี้บ่อยๆ อาจตั้งตัวไม่ทัน กระทั่งไม่ทราบว่าต้องดำเนินการอย่างไร เพจจึงได้เขียนบทความเรื่อง “ทำอย่างไรเมื่อถูกบังคับให้สูญหาย” เพื่อเป็นคู่มือแนวทางปฏิบัติ เพราะเชื่อว่าประชาชนทั่วไปไม่ทราบว่าถ้าเป็นกรณีคนหายในต่างประเทศและญาติอยู่ในไทยต้องไปแจ้งเรื่องที่ กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
9.กระบวนการของเรา ที่ผ่านมากรณีคุณวันเฉลิม คือ การทำประกาศ ,การเขียนบทความแนวทางการติดตามคนหายลักษณะนี้ และการสัมภาษณ์พี่สาวคนหายลงในเพจ ซึ่งเป็นวิธีการปฏิบัติปกติสำหรับเคสคนหายที่เราทำอย่างสม่ำเสมอ
10.ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา มีทีมงานทั้งหมด 4 คน รับผิดชอบการรับแจ้งคนหายทั่วทั้งประเทศ ในทุกสัปดาห์น้องทีมงานอย่างน้อย 2 คน ต้องทำงานต่อเนื่อง 7 วันเต็มเพราะเข้าเวรรับแจ้งเหตุคนหายในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ ในแต่ละปี เรารับแจ้งเหตุคนหาย ให้คำปรึกษา ทำประกาศ ลงพื้นที่ติดตาม มากกว่าปีละ 1500 กรณี ไม่ต้องถามความเหน็ดเหนื่อย เพราะเราเลือกแล้วที่จะทำสิ่งนี้ การชี้หน้าถามหาจรรยาบรรณของเรา จะตอบด้วยงานและสิ่งที่เราทำ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตครับ
9 มิถุนายน 2563
ตอบคำถามนี้ขณะลงพื้นที่ ติดตามคนหายที่ จ.ราชบุรี
ที่มา : เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา