ตลอดการประท้วงต่อต้านเหยียดผิวทั่วสหรัฐอเมริกา และทั่วโลก ล่าสุดผู้ชุมนุมประท้วงในสหรัฐฯ ได้ยกระดับประเด็นเรียกร้อง โดยขอให้ตัดงบประมาณตำรวจ ในการฝึกยุทธวิธีรุนแรง ตลอดจนการจีดซื้ออุปกรณ์และอาวุธอันตรายที่จะนำมาใช้กับประชาชน โดยมีกฎหมายคุ้มครอง แต่ขอให้เอางบฯนั้นไปใช้จ่ายในการพัฒนาชีวิตชาวชุมชนผิวดำทั้งหลาย ที่ถูกทอดทิ้งมาโดยตลอด
กระแสชาวอเมริกันจำนวนมากเชื่อว่าตนสามารถดูแลตนเอง โดยไม่ต้องพึ่ง การบังคับใช่กฎหมายโดยตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นจึงเห็นสมควรตัดงบประมาณพัฒนาองค์กรตำรวจทุกระดับลง เนื่องจากประชาชนอเมริกันสามารถมีอาวุธป้องกันตนเองได้ และในชีวิตจริงโดยเฉพาะกับคนอเมริกันอาฟริกัน ก็จะหลีกเลี่ยงการโทร.แจ้งตำรวจ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออาชญากรรมเล็กๆน้อยๆกับตน แต่ใช้วิธีขอความช่วยเหลือจากเพื่อนมิตรที่สนิท ไว้ใจได้มากกว่า เพราะหลายครั้งถ้าแจ้งตำรวจ อาจเจอกับกรณีไม่น่าประทับใจจากตำรวจผิวขาว หรือแย่กว่านั้นก็จะเหมือนจอร์จ ฟลอยด์นั่นเอง
แทนที่จะเพิ่มงบฯให้ตำรวจมาใช้ความรุนแรงกับประชาชน เอาเงินส่วนนั้นไปใช้จ่ายพัฒนาชุมชนคนผิวดำที่ด้อยโอกาส หรือชดเชยให้กับผู้ที่เป็นเหยื่อความรุนแรงของตำรวจจะดีกว่า
ทั้งกรณี จอร์จ ฟลอยด์, ดิออน จอห์นสัน, บรีโอนา เทย์เลอร์ ที่เสียชีวิตเพราะการกระทำเกินกว่าเหตุของตำรวจผิวขาว ทำให้เกิดกระแสตั้งคำถามที่ว่า ทำไมต้องเพิ่มงบฯตำรวจ ให้มาทำร้ายประชาชน แนวความคิดนี้สอดคล้องกับการเคลื่อนไหว รณรงค์์กรณีที่คล้ายคลึงในอดีต ที่มีการชุมนุมต่อต้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจในเมืองเฟอร์กูสัน, มิสซูรี ในปี 2014
ผู้นำการเคลื่อนไหว “Black Lives Matter”, แม็ค แฮร์ริส เพื่อจบวัฒนธรรมการลงโทษอย่างป่าเถื่อนรุนแรงในระบบ และเป็นวิธีหนึ่งที่จะส่งสารบอกรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งไม่เคยคิดจะลดปริมาณการเสียชีวิตจากพฤติกรรมโหดเหี้ยมเหล่านี้่แม้แต่น้อย แฮร์ริสเติบโตมาในชุมชนคนอเมริกันอาฟริกันที่รอบตัวเต็มไปด้วยความรุนแรง อาวุธปืน อาชญากรรม และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีพฤติกรรมไปต่างไปจากสิ่งที่เขาสัมผัส
“การบังคับใช้กฏหมายในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา เริ่มมาตั้งแต่สังคมยุคอเมริกามีทาส เมื่อทาสหนีและผู้คุมจับได้ จะลงโทษอย่างป่าเถื่อน เพื่อปรามไม่ให้ทาสคนอื่นเอาเยี่ยงอย่าง เทียบกับปัจจุบันที่ตำรวจใช้กฎหมายลงโทษคนดำแบบโหดเถื่อน แต่คนดำกลับเป็นผู้ผิดและติดคุกเสมอ” ไบรอัน, ผู้อำนวยการ UCLA’s Black Policy Center กล่าว
“งบฯที่จะโยกมานี้ น่าจะนำมาใช้พัฒนาที่อยู่อาศัย การสาธารณสุข การศึกษา และการมีงานทำของคนในชุมชนซึ่งไม่ได้มีแต่คนผิวดำเท่านั้นที่ยากไร้เร่ร่อน คนอเมริกันผิวขาวที่ลำบากก็มีอยู่ไม่น้อย” แฮร์ริสย้ำ
……………………………………………………
Cr: Washingtontimes, CNN