ไพศาลฟ้องบ.มือถือ20ล้านหากมอบข้อมูลให้ใคร? หลังกห.ยันไม่เคยขอกสทช.

0

จากที่มีการแชร์ลิงก์เอกสารอ้างว่าเป็นหนังสือจากกระทรวงกลาโหมถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และหนังสือจากกรมควบคุมโรคถึง กสทช.

ทั้งนี้โดยมีเนื้อหาขอให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งข้อมูลตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ย้อนหลัง 14 วันนั้น ต่อมามีการพูดถึงกันเป็นอย่างมาก มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งส่วนหนึ่งก็ได้โจมตีรัฐบาลไปแล้วว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน???

ต่อมาพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้ออกมายืนยันว่า กระทรวงกลาโหม ไม่เคยทำหนังสือไปถึง กสทช. ขอข้อมูลตำแหน่งมือถือประชาชน เพื่อการควบคุมป้องกันโรค COVID – 19 ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ส่วนการให้ข้อมูลของ พล.อ.รักศักดิ์ โรจน์พิมพ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม เพียงกล่าวถึง ความร่วมมือกันของหลายหน่วยงานที่ประชุมระดมความคิดเห็นแก้ปัญหาการแพร่ระบาดในช่วงสถานการณ์วิกฤตที่มีอัตราผู้ติดเชื้อภายในประเทศสูงกว่า 100 คนที่ผ่านมา

โดยมีการพิจารณาถึงประโยชน์ของข้อมูลตำแหน่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือของผู้ติดเชื้อ เพื่อขยายผลการสอบสวนโรคกับผู้สัมผัสหรือใกล้ชิด  ซึ่งสำนักนโยบายและแผนกลาโหม ได้สรุปผลการประชุมถึงหน่วยงานต่างๆที่เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป

นอกจากนี้โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมย้ำว่า กระทรวงกลาโหม ไม่มีหน้าที่ในการดำเนินการกับข้อมูลโทรศัพท์มือถือประชาชน และไม่เคยขอ หรือได้รับข้อมูลดังกล่าว จาก กสทช.เพื่อการควบคุมโรคที่ผ่านมาแต่อย่างใด

ล่าสุดวันนี้(9มิ.ย.63) นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวด้วยว่า

ประกาศ

เพื่อดำรงรักษาคุณค่าความเป็นมนุษย์

ผมขอประกาศห้ามมิให้บริษัทมือถือที่ผมใช้บริการส่งมอบข้อมูลตำแหน่ง โทรศัพท์ ให้กับบุคคลอื่นโดยเด็ดขาด!!! เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์ของบุคคล ทั้งตามรัฐธรรมนูญกฎหมายแพ่งและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ถ้าฝ่าฝืน ก็จำเป็นจะต้องดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา

แม้จะกระจอกงอกง่อย แต่จำต้องขอตีราคาความเสียหาย 20 ล้านบาท

คำประกาศนี้ ให้ครอบคลุมถึง ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และ App ทั้งหลายด้วย

บรรดาผู้เสียหายจงสามัคคีร่วมมือกัน!!!

#savehumanright

ที่มา : เฟซบุ๊กPaisal Puechmongkol