จากที่วันนี้ ( 8 มิ.ย.) บริเวณด้านหน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย สมยศ พฤกษาเกษมสุข พร้อมกลุ่มประชาชนกว่าหลายสิบคน รวมตัวเรียกร้องให้ทางการไทยและกัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการหายตัวไปของวันเฉลิม
ทั้งนี้นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมการเมืองไทย ที่ลี้ภัยอยู่ในกรุงพนมเปญ โดยได้ยื่นหนังสือผ่านนายเสาะ พีรี เลขานุการสถานทูตกัมพูชา โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดป้ายกระดาษระบุข้อความภาษาอังกฤษแปลได้ว่า “ผมหายใจไม่ออก! ช่วยวันเฉลิม นักกิจกรรมไทยที่ลี้ภัยอยู่กัมพูชา” และป้ายกระดาษอื่นๆ บนป้ายหน้าสถานทูต
โดยมี พ.ต.ท.ภัคภัค กาวิละ สว.กก.5 บก.ส.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ตำรวจสายตรวจ ตำรวจจราจร สน.วังทองหลาง เจ้าหน้าที่ หน่วยความมั่นคงหลายสิบนายเฝ้าดูแลความสงบและอำนวยความสะดวกจราจร ซึ่งภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่นายสมยศ กล่าวด้วยว่า นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะคสช.ก่อรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นต้นมา ก็ได้ออกคำสั่งทำร้ายพลเมืองไทยที่ต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตยจนเป็นเหตุให้มีผู้ลี้ภัยการเมืองกว่าหลักพันคนที่อยู่ต่างประเทศ และตลอด 6 ปีที่ผ่านมาก็มีการอุ้มฆ่าคนเหล่านี้ทั้งที่ไม่ใช่อาชญากรหรือทำผิดกฎหมาย แต่ที่ต้องหนีเป็นเพราะระบบการเมืองไทยที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ จึงเป็นหน้าที่เพื่อนบ้านในการดูแลให้คนลี้ภัยให้อยู่รอดปลอดภัย
“แต่สิ่งที่เกิดกับนายวันเฉลิม นั้นทำให้พวกตนรู้สึกเสียใจที่มีการอุ้มฆ่าเกิดขึ้น พวกตนผิดหวังในรัฐบาลกัมพูชา นำโดยนายฮุนเซน ที่ไม่เหลียวแลและปฏิเสธการอุ้มฆ่า ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา มีชาย 3 คนอุ้มนายวันเฉลิม ขึ้นรถโตโยต้าไฮแลนเดอร์สีดำไปจากถนนเนชั่นแนล 6 กลางกรุงพนมเปญ โดยระหว่างนายวันเฉลิม โทรศัพท์พูดคุยกับทางญาตินั้น ก็เชื่อได้ว่ามีการใช้กระบองไฟฟ้าช็อตจนนายวันเฉลิมอ่อนแรงก่อนจะตัดสายไป
นอกจากนี้นายสมยศ ยังกล่าวอีกว่า พวกตนจึงต้องการเรียกร้องให้ทางการไทย และกัมพูชาตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุ และคนบงการทั้งคนไทยและชาวกัมพูชา หากนายวันเฉลิม เสียชีวิตก็ขอให้ส่งศพกลับประเทศไทย เพื่อให้ครอบครัวได้จัดพิธีตามศาสนา และเราจะถือว่าเขาเป็นวีรชนประชาธิปไตย จะไม่ยินยอมให้การตายของนายวันเฉลิมต้องสูญเปล่า
“พร้อมเรียกร้องขอให้ประชาคมอาเซียนที่มีกฎบัตรสิทธิมนุษยชนช่วยกันตรวจสอบรัฐบาลไทยและกัมพูชาที่เพิกเฉยละเลยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหากไม่มีการยึดอำนาจ คนกลุ่มนี้ก็ไม่ต้องลี้ภัยไปต่างแดน และยังทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมาก ทั้งนี้ขอให้รัฐบาลกัมพูชาคุ้มครองและปกป้องผู้ลี้ภัยการเมืองทั้งหมดทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้ต่อไป
ที่มา : ภาพTNEWS