ประชาธิปไตยแบบไหนที่จิตใจต่ำทราม
ลามปามถึงบิดาของฝ่ายตรงข้ามที่เพิ่งเสียชีวิต
(1) การชุมนุมทางการเมืองไม่ใช่กิจกรรมงานวันเด็ก หรือ จัดอีเว้นต์การตลาด เพราะการชุมนุมทางการเมืองคือการแสดงเจตนารมย์และจุดยืนทางการเมือง อันเนื่องมาจากกลไกอื่นๆทางการเมืองไม่สามารถไปต่อได้
(2) กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ไม่ใช่กิจกรรมสุขภาพหรือ การแสดงออกสาธารณะ แต่เป็นการ “ชุมนุม” และ “ระดมมวลชน” ทางการเมือง ที่อาศัยรูปแบบกิจกรรมสุขภาพมาบังหน้าเท่านั้น
(3) กิจกรรม วิ่งไล่ลุง จึงต้องมีความชัดเจนของผู้จัดและผู้ร่วมที่จะบอกสังคมต่อข้อเรียกร้อง หรือ เงื่อนไข ที่ฝ่ายตนมีต่อฝ่ายรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจ ซึ่งคือ ไล่นายกฯ ให้นายกฯลาออก แต่ปัจจุบันก็ไม่มีความชัดเจนว่า จะลาออกจากเรื่องอะไร นอกจาก การโจมตีเป็นนามธรรมว่า เป็นเผด็จการ เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ
(4) กระนั้น กระแส วิ่งไล่ลุง ก็ถือว่าดีมาตลอดเพราะได้รับแรงหนุนเนื่องจากงานแฟลชม็อบ ที่ฝ่ายประชาธิปไตย ประโคมว่า จุดติด แล้ว
(5) ดัง “นิด้าโพลล์” ที่ระบุ ผู้เห็นด้วยกับวิ่งไล่ลุง ระบุว่า มีผู้เห็นด้วยมาก 40.86% ส่วน เดินเชียร์ลุง มีผู้เห็นด้วยมาก 18.92%
(6) ขณะที่ผู้ไม่เห็นด้วยกับ วิ่งไล่ลุง มี 31.32% ส่วน ไม่เห็นด้วยกับ เดินเชียร์ลุง มี 49.76%
(7) นิด้าโพลล์อ้างความแม่นยำ 95% จาก 1,200 กว่ากลุ่มตัวอย่าง ซึ่งทำให้เห็นว่า กระแสกิจกรรม วิ่งไล่ลุง นั้นถือว่าอยู่ในความสนใจ แต่กระนั้นก็มีข้อน่าสังเกตคือ
(7.1) โพลล์ยังสำรวจ ความกังวลของประชาชนต่อประเทศไทยในปี 2563 จะเผชิญปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองพบว่าร้อยละ 21.62 เชื่อว่าจะมีความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงมากกว่าในอดีต และ 21.86 เชื่อว่าจะมีความรุนแรงเท่ากับที่เคยมี ซึ่งอาจหมายความว่า คนที่ตอบว่าไม่เห็นด้วยอาจกังวลเรื่องความข้ดแย้งทางการเมืองที่จะขยายตัว เพราะงานที่จัดตรงกัน มากกว่าตัวกิจกรรมงานนั้นเอง
(7.2) กลุ่มตัวอย่าง 33.47% (เกือบ 400 คน) มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งอาจมีความโน้มเอียงทางการเมืองอยู่แล้ว
(7.3) กลุ่มตัวอย่างที่มีมากที่สุดคือช่วงอายุ อายุ 36 – 45 ปี คิดเป็น 31.16% ซึ่งไม่น่าจะใช่กลุ่มฐานในโซเซียลมีเดียของพรรคอนาคตใหม่ และไม่มีตัวเลขว่ามีกี่คน กี่เปอร์เซ็นต์ที่ทำกิจกรรมวิ่งเพื่อสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว
(8) ดังถ้าไปเปรียบเทียบตัวเลขของการมีส่วนร่วมระหว่าง วิ่งไล่ลุง กับ เดินเชียร์ลุง ในวันที่ทั้งสองเพจโพสต์ประกาศว่ามีคนมาร่วมเกินเป้าแล้วนั้น จะพบว่า ผู้มีส่วนร่วมกับเพจวิ่งไล่ลุงนั้นมี 3,900 ครั้ง ส่วนผู้มีส่วนร่วมกับเพจเดินเชียร์ลุงมี 2,300 ครั้ง ไม่ได้แตกต่างกันแบบเกินครึ่งต่อครึ่งเหมือนในโพลล์นิด้า
(9) กระนั้น กระแสที่ว่ากำลังมาแรงของ วิ่งไล่ลุง ก็ต้องสะดุดล้มคะมำ เพราะ ผู้จัด ต้องการสร้างอีเว้นต์ข่าว ไปส่งเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมวิ่งไล่ลุง ในวันที่ มีข่าวว่า บิดาของพล.อ.ประยุทธ์ เสียชีวิต
(10) ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ความคิด ไม่มีวิจารณญาณอย่างสิ้นเชิง เพราะแยกแยะเรื่องความเป็นความตายกับการมุ่งเอาชนะทางการเมืองออกจากกันไม่ได้
(11) แม้ฝ่ายเดียวกันก็ยังไม่เห็นด้วย ถึงกับบอกว่าให้ผู้จัด “….คำนึงถึงความเหมาะสม…..อันนี้ไม่เห็นด้วยจริงๆ รบกวนพิจารณาอีกที เค้าเพ่งสูญเสียบุคคลสำคัญไป….นายกเพิ่งเสียบิดาไป ควรถอยก่อน….”
(12) อันเป็นพฤติกรรมแบบเดียวกับ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่คนหนึ่ง ที่ทวิตข้อความที่ไม่เหมาะสม และ บรรดาผู้ชื่นชอบธนาธรอีกจำนวนหนึ่งที่แสดงคำพูดที่ไม่เหมาะสมต่อบิดาของพล.อ.ประยุทธ์ที่เพิ่งเสียชีวิตลง
(13) จนมีชาวโซเซียลทนไม่ได้ ต้องออกมาโพสต์ว่า นี่คือการแสดงความต่ำทราม และไร้มารยาท
**** ต่ำทราม สถุล จนไม่สามารถแยกแยะเรื่องความเป็นความตายกับเรื่องการเอาชนะทางการเมืองออกจากกันได้
อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยมากกว่าใคร. แต่กลับไม่ทราบว่า แก่นที่สำคัญที่สุดอันนึงของความเป็นประชาธิปไตยคือ “มารยาท” (etiquette) ที่พึงมีต่อผู้อื่น ต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวออกให้ได้จากเรื่องการเมือง
นักการเมืองในประเทศพัฒนาแล้วที่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ต่อให้ทางการเมืองจะห้ำหั่นเชือดเฉือนกันแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าอีกฝ่ายประสบเหตุความสูญเสียสมาชิกในครอบครัว นักการเมืองเขาจะมีมารยาทพอในการแสดงความเสียใจต่อคู่แข่งทางการเมืองของเขา
นี่คือ “มารยาท” และ “ธรรมเนียมปฏิบัติ” ของการเป็นนักการเมืองที่ดี มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยจริงๆ
ที่มา FB Page Narisroj Fuangrabil
(14) ถ้ายังจำกันได้ ในวันที่ พล.อ.เปรม เสียชีวิต มีเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งโห่ร้องดีใจ แต่ จตุพร พรหมพันธ์ ต้องออกมาห้ามปราม เพราะเป็นการแสดงออกที่ไร้มารยามทางสังคม
(15) ย้อนกลับไปตอนแรก คำถามคือ กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ต้องการแสดงออกถึงจุดยืนแบบไหนให้สาธารณะชนได้เห็น ซึ่งตอนนี้ก็มีคำถามแล้วว่า นี่คือการแสดงเจตนารมย์ประชาธิปไตยโดยบริสุทธ์ ซึ่ง แก่นที่สำคัญที่สุดอันนึงของความเป็นประชาธิปไตยคือ “มารยาท” (etiquette) ที่พึงมีต่อผู้อื่น หรือ การรวมตัวของพวกกเฬวราก ไร้มารยาท ที่เอาประชาธิปไตยมาบังหน้าเพื่อเอาชนะทางการเมืองเท่านั้น
(16) วันอาทิตย์นี้เราจะได้เห็นกัน
#ปอกเปลือก#ปอกให้เห็นความจริง