จากกรณีที่ประชาไท เผยแพร่ข่าววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ต้า วัย37ปี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองไทยที่อยู่ในกัมพูชา ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มหน้าคอนโด เมื่อ 4 มิ.ย.63โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามเข้าช่วย แต่กลุ่มคนที่มานั้นมีอาวุธปืน
ทั้งยังอ้างแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลว่า ตนกำลังคุยโทรศัพท์กับวันเฉลิม และเสียงสุดท้ายที่ได้ยินผ่านโทรศัพท์คือ “โอ๊ย หายใจไม่ออก” ก่อนสายจะตัดไปแต่ขณะนั้นเข้าใจว่าเกิดอุบัติเหตุ และวันเฉลิมบาดเจ็บ จึงพยายามโทรติดต่อกลับไปอีกประมาณ 30 นาที รวมทั้งติดต่อเพื่อนของวันเฉลิมให้ช่วยตรวจสอบที่คอนโด จึงทราบว่า วันเฉลิมหายไป
ต่อมาวันที่ 5มิ.ย.63 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีวันเฉลิมด้วย โดยเป็นการแชร์ข่าวของเว็บไซต์ประชาไท มาก่อนโพสต์ข้อความของตัวเองลงไปว่า
“โอ๊ย หายใจไม่ออก” #saveวันเฉลิม
(ประชาไท Prachatai.com แหล่งข่าวเผย ‘วันเฉลิม’ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยที่อาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา ถูกกลุ่มคนร้ายพร้อมอาวุธนำตัวไป ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้ เผยคำพูดสุดท้าย “โอ๊ย หายใจไม่ออก”ก่อนถูกตัดสาย พร้อมเปิดภาพรถที่ใช้ปฏิบัติการจากกล้องวงจรปิด)
ล่าสุดวันนี้(6มิ.ย.63) หัวหน้าคณะก้าวหน้า อย่างนายธนาธร ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องดังกล่าวอีกครั้งผ่านทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ยังมีการเรียกร้อง ในทำนองปลุกเร้าว่าเรื่องของวันเฉลิมเป็นเรื่องของทุกคน โดยเรื่องนี้นั้นในความเป็นจริงยังไม่มีการชี้แจงข้อมูลที่แน่ชัดทั้งจากทางการกัมพูชาว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร เพราะที่น่าสังเกตว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการให้ข้อมูลจากฝ่ายเดียวนั่นคือ ธนาธรและฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
สำหรับข้อความที่นายธนาธรโพสต์ ระบุว่า เรามาร่วมกันยืนเคียงข้างความยุติธรรม เรียกร้องไม่ให้การอุ้มหาย และการข่มขู่คุกคามเพราะทัศนคติทางเมืองเกิดขึ้นอีก ขอย้ำว่าเรื่องของ #วันเฉลิม คือเรื่องของเราทุกคน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.63 นายธนาธร โพสต์ข้อความ วิจารณ์เจ้าหน้าที่รัฐที่เดินทางไปยังโรงเรียนชุมพลโพนพิสัย จ.หนองคาย เพื่อขอให้โรงเรียนลบรูปพานไหว้ครู ที่มีเนื้อหาล้อเลียนการเมือง ว่าการแสดงออกทางการเมืองไม่ใช่เรื่องต้องห้าม แต่เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย
“การเแสดงออกทางการเมืองเป็นเรื่องปกติของทุกคน ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ใช่เรื่องต้องห้าม ในทางกลับกัน เป็นเรื่องที่ทุกคนควรมีส่วนร่วมในสังคมปกติที่เป็นประชาธิปไตย เห็นต่างอย่างไรก็คุยกันได้ แต่ทหารเข้าแทรกแซงถึงโรงเรียนเช่นนี้คืออะไรกันครับ? สรุปว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบอะไรกันแน่?” นายธนาธร โพสต์
ต่อมานายพิพัฒน์ ศรีสุขพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เปิดใจเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ช่วงเช้าเป็นพิธีไหว้ครู ส่วนช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมพี่น้องรหัส มีการนำกว่า 2,900 คนมาจัดกิจกรรมร่วมกัน ในช่วงบ่ายได้มีตำรวจเข้ามาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอะไรเนื่องจากที่ผ่านมาเคยเกิดปัญหาการทะเลาะวิวาท ประกอบทางโรงเรียนได้ทำ MOU กับสภ.โพนพิสัย อยู่แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลให้จำนวน 2 นาย ตนก็นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน
ปรากฏว่ามีผู้สื่อข่าวจากสำนักหนึ่งโทรมาหาตน บอกว่า ผอ.รู้ไหมเป็นข่าวอยู่ในเฟซบุ๊กแล้วเรื่องพาน ตนก็ได้ถามกลับไปว่าพานมันเป็นอะไร เขาก็บอกว่าพานของเด็กมันมีปัญหา ตนก็ให้ส่งเฟซบุ๊กกลับมาให้ตนดูเพื่อจะได้ตรวจสอบว่ามีปัญหาอะไร
จากนั้นผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็ได้ถามตนต่อว่า มีตำรวจและทหารเข้ามาในโรงเรียนไหม ตนก็ได้ตอบกลับไปว่า ทหารจะเข้ามาทำไม ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทหารจะต้องเข้ามาเพราะตนเข้าใจว่าเป็นการไหว้ครูเท่านั้น แต่ตนตอบว่ามีตำรวจเข้ามาแต่เข้ามาดูแลความสงบความปลอดภัยเท่านั้น แต่กลับมีเฟซบุ๊กออกมาว่ามีตำรวจทหารเข้ามาสั่งให้ลบรูปออกจากเฟซบุ๊ก จนกลายเป็นประเด็นกระจายออกไปทั่วประเทศ
“ตนจึงขอยืนยันว่าไม่ได้มีทหารเข้ามาในโรงเรียนแต่อย่างไร ที่ตำรวจเข้ามาก็เพื่อดูแลความสงบเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึง ผกก.โพนพิสัย ก็ได้มาอำนวยความสะดวกที่ถนนบริเวณหน้าโรงเรียนเป็นประจำแต่เช้าทุกวันอยู่แล้ว”
ที่มา : ทวิตเตอร์ Thanathorn Juangroongruangkit@Thanathorn_FWP