สืบเนื่องจากกรณีตำรวจเมืองมินเนแอโปลิส ใช้เข่ากดคอ นายจอร์จ ฟลอยด์ ผู้ต้องสงสัยชาวผิวสีวัย 46 ปี จนเสียชีวิต
ซึ่งในคลิปเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่า จอร์จ ฟลอยด์ส่งเสียงร้องและพูดซ้ำ ๆ กับตำรวจผิวขาว ว่า เขาหายใจไม่ออก จนเกิดกระแสต่อต้านการกระทำซึ่งรุนแรงเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ และเป็นประเด็นเรื่องการเหยียดสีผิว จนเป็นชนวนเหตุบานปลาย มีการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงเป็นจำนวนมาก และลุกลามไปมากกว่า 20 รัฐ และกว่า 40 เมืองทั่วประเทศ
ล่าสุด 5 มิ.ย.63 มีความเคลื่อนไหวจากทางด้านเฟสบุ๊ค Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.)ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวระบุว่า ประเทศแม่แบบกับฝ่ายที่ชอบอ้างประชาธิปไตย
เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่อเมริกา เป็นคุณูปการต่อประเทศไทยเราสูงมาก ทำให้สังคมไทยได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบประเทศแม่แบบประชาธิปไตย กับฝ่ายที่ชอบอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ในหลายกรณี
1.ผู้นำประเทศแม่แบบประชาธิปไตย ประกาศที่จะใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธ เข้าไปจัดการกับผู้ชุมนุม โดยเบี่ยงเบนที่จะพูดถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมของสีผิว ที่เป็นต้นตอของปัญหา
ทำให้นึกถึงฝ่ายที่ชอบอ้างประชาธิปไตย มาติด#ตามหาความจริง เหตุการณ์ชุมนุมพฤษภาคม53 ซึ่งรัฐบาลไทยขณะนั้นต้องใช้กำลังทหารติดอาวุธ เพราะมีการชุมนุมโดยมีกองกำลังติดอาวุธชุดดำร่วมด้วย และกองกำลังชุดดำเป็นผู้ทำร้ายพลเอกร่มเกล้าจนเสียชีวิต แต่ฝ่ายที่ชอบอ้างประชาธิปไตย กล่าวหาว่ารัฐบาลใช้กำลังทหารเข้าปราบ ให้ดูเปรียบเทียบกับประเทศแม่แบบประชาธิปไตยเอาเอง
2.เราได้เห็นคลิปสตรีผิวขาว ปล่อยสุนัขเดินในสวนสาธารณะ ถูกชายผิวสีบอกว่าผิดระเบียบ แต่เธอกลับโทรศัพท์แจ้งตำรวจว่า ถูกข่มขู่ทำร้ายจากชายผิวสีคนหนึ่ง โชคดีที่มีคลิปเป็นหลักฐาน
ทำให้นึกถึงฝ่ายที่ชอบอ้างประชาธิปไตย พยายามที่จะไปชักธงดำขึ้นเสาธงที่จุฬา ถูกรปภ.ห้ามด้วยความสุภาพ แต่เธอก็พยายามร้องโกนให้คนช่วย ทั้งๆที่รปภ.ไม่ได้ทำอะไร โชคดีที่มีคลิปเช่นกัน
3.เหตุการณ์ตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอชายผิวสีจนเสียชีวิต ซึ่งสะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมของระบบยุติธรรม และการแบ่งชนชั้นของประเทศแม่แบบประชาธิปไตย
ทำให้นึกถึงแกนนำที่ชอบอ้างประชาธิปไตยคนหนึ่ง ที่ชอบพูดถึงความเท่าเทียม ไปร่วมงานปีใหม่ของพี่น้องชาติพันธุ์ที่จังหวัดตาก และไปพูดปลุกระดมถึงความเท่าเทียม ว่าพี่น้องชาติพันธุ์ ถูกกดขี่ เป็นประชากรชั้นสองมานาน ทั้งๆที่ความเป็นจริงคนไทยทุกกลุ่ม ได้รับการดูแล และมีโอกาสอย่างเท่าเทียมมาตลอด พี่น้องชาติพันธุ์หลายคนประสบความสำเร็จเป็นแพทย์ วิศวะ นายอำเภอ หรือแม้แต่ได้โอกาสเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาก่อนหน้านี้หลายคนมาก
ต้องขอบคุณอเมริกา ประเทศแม่แบบประชาธิปไตย ที่ทำให้สังคมไทย รู้จักตัวตนของฝ่ายที่ชอบอ้างประชาธิปไตย ซึ่งช่างละม้ายคล้ายคลึงกันมาก และทำให้คนไทยหูตาสว่างมากขึ้น
ฝ่ายที่ชอบอ้างประชาธิปไตยน่าจะหยุดได้แล้วครับ มาช่วยกันพัฒนาประเทศ ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี บนหลักการของชาติ ศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สังคมไทยจะได้สงบสุขครับ
ประเทศแม่แบบกับฝ่ายที่ชอบอ้างประชาธิปไตยเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่อเมริกา เป็นคุณูปการต่อประเทศไทยเราสูงมาก…
Posted by Warong Dechgitvigrom on Thursday, June 4, 2020