จากที่สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิดทำให้ทั่วโลกยังมียอดผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตมากขึ้น โดยสถานการณ์ยิ่งมีความเสี่ยงเมื่อมีการรวมตัวชุมนุมประท้วงที่สหรัฐ ขณะในไทยดูเหมือนยังควบคุมได้ดี
โดยวันนี้ (3 มิ.ย.63) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล หรือ หมอบุ๋ม ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 ราย เป็นผู้ป่วยเดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพักในสถานกักกันของรัฐ หรือ state quarantine ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,084 ราย หายป่วยเพิ่ม 2 ราย รวม 2,968 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต รวมสะสม 58 ราย ผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 58 ราย
ขณะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดมีถึง 213 ประเทศและดินแดนมีผู้ติดเชื้อซึ่งล่าสุดทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อถึง 6,472,681 ราย เพิ่มขึ้น 109,485 ราย มีผู้เสียชีวิต 381,697 ราย เพิ่มขึ้น 4,507 ราย และรักษาหายแล้ว 2,985,904 ราย
สำหรับประเทศที่ติดเชื้อสูงสุดยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา โดยมียอดผู้ติดเชื้อ 1,880,133 ราย เพิ่มขึ้นถึง 20,810 ราย ผู้เสียชีวิต 108,048 ราย เพิ่มขึ้น 1,123 ราย ในขณะที่อันดับสองเป็นประเทศบราซิลมีผู้ติดเชื้อ 556,668 ราย เพิ่มขึ้น 27,263 ราย เสียชีวิต 31,278 ราย เพิ่มขึ้น 1,232 ราย และอันดับ 3 ประเทศรัสเซียมีผู้ติดเชื้อ 423,741ราย เพิ่มขึ้น 8,863 ราย เสียชีวิต 5,037 ราย เพิ่มขึ้น 182 ราย
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ดร.มาเรีย แวน เคอร์โคฟ นักระบาดวิทยาของดับเบิลยูเอชโอ ( WHO) กล่าวถึงการชุมนุมประท้วงในสหรัฐ อาจสร้างความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งการสัมผัสอย่างใกล้ชิดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อ
ขณะนี้ 40 เมืองทั่วสหรัฐได้ประกาศเคอร์ฟิว หลังเกิดเหตุจลาจล ทั้งการทำลายทรัพย์สินสาธารณะ การเผารถยนต์ และการทุบกระจกร้านค้า ท่ามกลางความไม่พอใจต่อการที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อนายจอร์จ ฟลอยด์ ซึ่งเป็นชายผิวสี จนเสียชีวิต
นอกจากนี้ นายแพทย์ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวเตือนผู้นำของโลกว่า ไม่ควรชะล่าใจ หลังมีรายงานระบุว่าไวรัสโควิด-19 เริ่มลดความรุนแรงลง เนื่องจากไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
