จากที่มีการลาออกของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างกันว่าเพื่อบีบให้อุตตม สาวนายน หลุดจากตำแหน่งแล้วดันพล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคแทน ซึ่งนายกฯบอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ปกติ สามารถทำได้อยู่แล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (2มิ.ย.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการที่ 18 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ลาออกเพื่อบีบให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค เพื่อผลักดัน พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรคฯขึ้นแทน
“ผมไม่อยากพูดอะไรตรงนี้มาก เพราะเป็นเรื่องของการเมืองในระดับพรรคการเมือง ซึ่งก็เป็นกันทุกพรรค ผมไม่ได้จะชี้แจงหรือแก้ตัวอะไรให้กับใคร ผมจะยุ่งเกี่ยวเฉพาะในเรื่องของรัฐบาล และในเรื่องของการร่วมรัฐบาล นี่คือหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ในเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองก็ไปว่ากันมา แต่ก็ขอร้องว่าอย่าไปดราม่ากันเยอะแยะไปหมด เพราะมันทำให้สมองมันไม่ว่าง ส่วนเรื่องการปรับความเข้าใจกันผมคิดว่าไม่จำเป็นเพราะเป็นเรื่องภายในพรรค ก็ให้ภายในพรรคที่เขาจะคุยกันเอง ผมไม่จำเป็นต้องไปเรียกใครมาทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า การเปลี่ยนตัว กก.บห.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลในครั้งนี้ จะผูกโยงกับเก้าอี้ รัฐมนตรีและจะส่งผลต่อการปรับครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เรื่องนี้พูดมาหลายครั้งแล้วว่าการที่ผมจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้นั้นก็ต้องว่ากันอีกขั้นตอนหนึ่ง เป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล
“นายกฯจะต้องพิจารณาในภาพรวมตรงนั้น เรื่องของวันนี้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองซึ่งเขาต้องว่ากันไปซึ่งพวกท่านก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าหลายๆ เรื่อง เป็นเรื่องกลไกทางการเมืองในระดับพรรค ซึ่งการเมืองมีตั้งแต่ระดับพรรคของแต่ละพรรค ระดับของพรรคร่วมรัฐบาลและระดับของรัฐบาล ขอให้เข้าใจในตรงนี้อย่าให้มีปัญหาอย่างอื่นต่อไปอีกเลยแค่นี้ก็พอแล้ว วุ่นวายพอสมควร แต่ทั้งหมดเราสามารถแก้ไขได้ด้วยความเข้าใจระหว่างกัน
ขอร้องสื่อฯ และบรรดาสื่อโซเชียลต่างๆขอให้ช่วยกันดูในส่วนที่เป็นความสำเร็จ เรื่องของความก้าวหน้า เรื่องที่ทำให้เกิดความรักความสามัคคี ไม่ดีกว่าหรือ ผมไม่สามารถจะไปบังคับให้ใครรักได้ทุกคน ดังนั้นก็ต้องมีทั้งคนรักและคนเกลียด แต่ขอร้องว่าอย่าเกลียดประเทศของท่านเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ นายกฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า เวลาจากนี้ไปก็ต้องเตรียมการในเรื่องของการพิจารณาพระราชบัญญัติโอนงบประมาณ 2563 ในวันที่ 4 มิ.ย.ซึ่งจะเดินทางไปแถลงด้วยตัวเองในสภาอีกครั้งหนึ่ง ให้ความสำคัญและให้เกียรติต่อสภาผู้แทนราษฎร ให้เกียรติกับสมาชิกที่เรียกกันว่าสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ทุกคน ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน
หลังจากนั้นก็จะมีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 อีก สรุปว่ายังมีอีกหลายวาระที่จะได้พบกันในสภาฯ ขอร้องให้ใจเย็นๆอย่าใจร้อน ผมก็ใจเย็นอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะมันไม่เกิดประโยชน์ที่ผมจะไปโมโหใคร”นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การทำงานจะให้เกิดความขัดแย้งน้อยลงทุกคนทุกฝ่ายต้องมีการหารือและรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อะไรถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ขอให้สื่อช่วยกันขยายความในสิ่งที่ดีเราจะต้องไปให้พื้นที่ด้านการข่าวของสื่อมีแต่เรื่องของความขัดแย้งมากเกินไป ต้นไม่ได้ว่าพวกท่านแต่ถ้ามันมากเกินไป สิ่งดีๆก็ไม่ได้รับการรับรู้รับทราบ จึงขอร้องทุกคนช่วยกันด้วยเพราะทุกคนก็รักชาติรักแผ่นดินด้วยกันทั้งสิ้น
“วันนี้อย่าลืมโลกเปลี่ยนคนปรับ หลุดจากกับดักสู่ความยั่งยืน เข้าใจหรือไม่เราต้องหลุดพ้นจากกับดักของตัวเองให้ได้ทั้งหมดทุกคน ทุกภาคส่วน ผมเองก็ต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่พรรคพปชร.จะผลักดันให้พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดเพื่อฟังคำถาม แต่ไม่ตอบอะไร พร้อมกล่าวขอบคุณ ก่อนจะเดินออกจากโพเดียมไปทันที