จากที่ทั้งภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์หันไปร่วมฝ่ายค้านตั้งกมธ.สอบเงินกู้สู้โควิด โดยไม่สนใจพลังประชารัฐที่ออกมาคัดค้าน ทำให้ต้องจับตาจะทำรัฐบาลบิ๊กตู่สั่นคลอนแตกร้าวอีกหรือไม่ รวมทั้งสถานการณ์ล่าสุดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น???
ทั้งนี้จากที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้าน และ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้สภาตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงินกู้1.9 ล้านล้านบาทว่า ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.วิสามัญฯเพราะมีหน่วยงานราชการที่น่าเชื่อถือพิจารณาและกลั่นกรองอยู่แล้ว
ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงขอยื่นเรื่องถึงประธานสภาฯ เพื่อขอให้ตั้งญัตติ เรื่อง ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทยและคณะได้ร่วมกันแถลง ในฐานะส.ส.ขอใช้เอกสิทธิ์ร่วมกับส.ส.กว่า 20 คน จากหลายพรรคการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตาม ตรวจสอบ การใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ล่าสุดวันนี้(1มิ.ย.63)นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้ว่า จะมีการหารือในที่ประชุมวิปครั้งหน้า ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ตั้งกรรมาธิการฯชุดนี้ โดยขณะนี้สองพรรคได้ยื่นญัตติไปแล้วคือพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพลังประชารัฐก็ไม่ขัดข้อง
ส่วนที่มีการให้สัมภาษณ์คัดค้านก่อนหน้านี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ทั้งนี้เชื่อว่าจะสามารถตั้งกรรมาธิการฯได้ในวันที่ 10 หรือ 11 มิถุนายน โดยยังไม่ทันในการประชุมสภาสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีวาระที่ต้องพิจารณาเรื่องด่วนของรัฐบาลคือ พระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 8.8 หมื่นล้านบาทก่อน
นอกจากนี้ นายวิรัช ยังกล่าวยืนยันว่า ไม่มีปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล ดังจะเห็นได้จากการลงมติที่ผ่านมาซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และเสียงของรัฐบาลก็มีความเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งไม่เชื่อว่าจะเกิดปัญหาภายในจนทำให้รัฐบาลระส่ำระสาย ส่วนความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐนั้น เชื่อว่าถึงเวลาสามารถพูดคุยกันได้ และตนเองก็ไม่เคยคิดวัดพลังกับใคร เพียงแต่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น