ทรัมป์ประกาศคนประท้วงเป็นผู้ก่อการร้าย!บิ๊กข่าวกรองฯไทยถามหาพวกองค์กรสิทธิ?

0

จากที่มีเหตุการณ์ประท้วงของคนผิวสีในสหรัฐจากการที่มีการกระทำที่รุนแรงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว นำมาซึ่งการลุกลามหลายรัฐ เกิดการปะทะบาดเจ็บอีกหลายราย มีท่าทีของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และเสียงเรียกร้องต่อองค์กรสิทธิมนุษยชน

ล่าสุดวันนี้(1มิ.ย.63) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์ประท้วงที่สหรัฐอเมริกาลงเฟซบุ๊กโดยระบุว่า

ผู้ประท้วงกลายเป็นผู้ก่อการร้าย

การประท้วงของชาวอเมริกันต่อการเสียชีวิตของ​ ​George Floyd ได้ขยายการประท้วงไปตามเมืองใหญ่หลายแห่ง​ มีการเผาทำลายสถานที่ราชการ​ ร้านค้า​ มีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ​ มีผู้บาดเจ็บ​ เสียชีวิต​ มีการจับกุมผู้ประท้วงไปจำนวนหนึ่ง

สุดท้าย​ โดนัลด์​ ทรัมป์ ต้องออกคำสั่งฝ่ายบริหาร​ ประกาศให้กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า​ AntiFa.(Anti Facist) ที่ประกาศตัวร่วมชุมนุม​ เป็นกลุ่มก่อการร้าย​ โดยทรัมป์ระบุว่า​ AntiFa​ เป็นกลุ่มฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง

ที่ยั่วยุให้การประท้วงอย่างสันติของประชาชนไปสู่อนาธิปไตย​ จลาจลและสั่งการให้ใช้กำลังทหาร​ National Guards เข้าช่วยสนับสนุนตำรวจในการปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วง

การประกาศให้​ AntiFa.เป็นผู้ก่อการร้าย เท่ากับว่า​ รัฐสามารถใช้ทุกสรรพกำลังในการจัดการปราบปรามผู้ชุมนุมที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น​ AntiFa​ ได้

AntiFa​ เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่ต่อต้านกลุ่มขวาจัดในอเมริกา​ AntiFa.ถูกกล่าวหาว่า​ อยู่เบื้องหลังการยั่วยุให้ผู้ประท้วงใช้ความรุนแรง​ ก่อการจลาจล​ และจัดหาอาวุธให้ผู้ประท้วง

การประท้วงที่เกิดขึ้นและขยายตัวไปทั่วสหรัฐ​ เป็นประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน​ คำขวัญที่ชูกันคือ​ Black Lives Matter. แปลว่า​ ชีวิตคนดำก็มีค่า​

ยังไม่เห็นกลุ่มเอ็นจีโอ​ กลุ่มสิทธิมนุษยชน​ กลุ่มแอมเนสตี้ หรือกลุ่มใดๆออกแถลงการคัดค้าน​ ประณามนายทรัมป์​ ที่จะใช้กฏหมายต่อต้านการก่อการร้ายกับผู้ชุมนุม​ ยังไม่มีการคัดค้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจต่อผู้ชุมนุม​ หรือแม้แต่ประณามทรัมป์​ ที่กล่าวว่า​ ถ้าขโมย​ ยิงได้เลย​ Looting start. Shooting start นี่คือ​ การใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องหาความยุติธรรม​ แม้แต่นักบาสเกตบอลอย่างไมเคิล​ จอร์แดน​ ได้ออกทวิต เรียกร้องความยุติธรรมให้กับ​George Floyd

NGO HRW Amnesty where are you

ที่มา : เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart