อดีตบิ๊กข่าวกรองร่อนจม.เปิดผนึกถึงทูตมะกัน หวังสหรัฐใช้หลักสิทธิมนุษยชน-ท่าเทียมกันในความเป็นพลเมือง ปราบม็อบแค้นตำรวจใช้เข่ากดคอชายผิวสี
สืบเนื่องจากกรณีตำรวจเมืองมินเนแอโปลิส ใช้เข่ากดคอ นายจอร์จ ฟลอยด์ ผู้ต้องสงสัยชาวผิวสีวัย 46 ปี จนเสียชีวิต ซึ่งในคลิปเหตุการณ์แสดงให้เห็นว่า จอร์จ ฟลอยด์ส่งเสียงร้องและพูดซ้ำ ๆ กับตำรวจผิวขาว ว่า เขาหายใจไม่ออก จนเป็นชนวนเหตุบาปลายให้ฝูงชนมาชุมนุมเป็นจำนวนมากในขณะนี้
ขณะเดียวกกั21พ.ค.63- ทางด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ แสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวระบุ..จดหมายเปิดผนึกถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐ
เรียน เอกอัครราชทูตสหรัฐ
วันก่อนท่านทูตได้สอบถามรองนายกวิษณุ ว่า ทำไมรัฐบาลไทยยังคง พรก.ฉุกเฉินไว้ ทั้งๆที่ควบคุมการระบาดของโควิดได้ดีแล้ว ทำนองสงสัยว่า การคง พรก.ฉุกเฉินจะเป็นการละเมิดสิทธิ จำกัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหวของประชาชน
วันนี้ เกิดเหตุจลาจลในหลายเมือง หลายรัฐของสหรัฐ อันมีสาเหตุจากการใช้ความรุนแรงของตำรวจเมืองมินเนอาโปลิส ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยคนอเมริกันผิวสี George Floyd จนถึงแก่ความตาย
ซึ่งน่าเชื่อว่า มีต้นเหตุมาจากการเลือกปฏิบัติของตำรวจผิวขาว แต่ภาพข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ได้เห็นภาพการปราบปรามที่รุนแรง ได้เห็นภาพตำรวจทำร้ายผู้หญิง ทุบตีประชาชน
เราได้เห็นภาพว่า ตำรวจคนดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลุ่มคน racists ที่สนับสนุนทรัมป์ และมีภาพตำรวจคนดังกล่าวกอดกับทรัมป์ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง
ขอเรียกร้องให้ผ่านเอกอัครราชทูตสหรัฐ อย่าใช้ความรุนแรงในการปราบปรามชาวอเมริกันที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงของตำรวจในการจับกุมประชาชน
เราหวังว่า สหรัฐจะใช้หลักสิทธิมนุษยชน หลักการเสรีภาพในการพูด ในการแสดงออก และหวังอีกว่า สหรัฐจะไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมที่รักความถูกต้อง ความเท่าเทียมกันในความเป็นพลเมืองอเมริกัน
จดหมายเปิดผนึกถึงเอกอัครราชทูตสหรัฐเรียน เอกอัครราชทูตสหรัฐวันก่อนท่านทูตได้สอบถามรองนายกวิษณุ ว่า…
Posted by Nantiwat Samart on Saturday, May 30, 2020