ภท.จับมือฝ่ายค้านตั้งกมธ.สอบเงินกู้! 20ปชป.เอาด้วยไม่สนพปชร.ค้าน

0

ทำท่าวุ่นวายขึ้นภายในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ เมื่อทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์หันไปร่วมฝ่ายค้านตั้งกมธ.สอบเงินกู้สู้โควิด โดยไม่สนใจพลังประชารัฐที่ออกมาคัดค้าน นี่จึงต้องจับตาว่างานนี้จะรัฐบาลบิ๊กตู่สั่นคลอนแตกร้าวอีกหรือไม่???

ทั้งนี้จากที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้าน และ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้สภาตั้งกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญขึ้นมาตรวจสอบการใช้เงินกู้1.9 ล้านล้านบาทว่า ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.วิสามัญฯเพราะมีหน่วยงานราชการที่น่าเชื่อถือพิจารณาและกลั่นกรองอยู่แล้ว อาทิ

สภาพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ร่วมทั้งในระดับพื้นที่จะต้องเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด และ กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) กลั่นกรอง ก่อนเสนอให้ คณะรัฐมนตรีเป็นผู้อนุมัติโครงการตามที่เสนอมาเท่านั้น โดยนักการเมืองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง

ขณะที่สภาฯ ก็มีกมธ.สามัญฯ จำนวน 35 คณะ ซึ่งสามารถทำหน้าที่และสามารถตรวจสอบพ.ร.ก.กู้เงิน1.9 ล้านล้านบาท ทั้ง 3 ฉบับ ส.ส ทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ในฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องมั่นใจในระบบราชการที่เข้ามาดูแลงบประมาณตัวนี้ จึงไม่จำเป็นต้องตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ให้ขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน เสียเวลาการทำงานกับทุกฝ่าย และรวมทั้งเสียงบประมาณของแผ่นดิน เกี่ยวกับเบี้ยประชุมอีกด้วย

สำหรับในส่วนที่ฝ่ายค้านคิด และเป็นข้อกังวลในการใช้งบประมาณเกรงว่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น หรือใช้งบประมาณไปไม่ตรงวัตถุประสงค์นั้น ต้องอย่าลืมว่าประเทศไทยนั้นก็มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมตรวจสอบ ยิ่งโดยเฉพาะ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านบาทถือว่า มีกรอบดำเนินการที่รัดกุมโดยใช้กฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะมาบังคับใช้ กำกับติดตาม การเบิกจ่ายเงินกู้ และ ต้องมีการประเมินโครงการต่างๆ นำเสนอต่อ ครม.ทุก 3 เดือน

“ในส่วนการกำกับติดตามเงินกู้และผลสัมฤทธิ์ของโครงการ มาตราการต่างๆ เหล่านี้เชื่อและมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้คิดและวางแผนมาตราการต่างๆ ในการบริหารจัดการไว้แล้ว ซึ่งมีการรายงานต่อรัฐสภาภายใน 60 วันนับแต่สิ้นปีงบประมาณ ซึ่งถือว่ามีมาตรฐานตรวจสอบ หรือ มีการประเมิน KPI สูงกว่าเมื่อเทียบกับ พ.ร.ก.เงินกู้ในอดีตคือ พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็งในปี2552 และพ.ร.ก.กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารน้ำ ปี2555

ต่อมา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงขอยื่นเรื่องถึงประธานสภาฯ เพื่อขอให้ตั้งญัตติ เรื่อง ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

โดยนายสาทิตย์ กล่าวว่า การใช้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท แม้จะมีบัญชีแนบท้ายกำหนดกรอบกว้างๆ แต่ไม่มีรายละเอียด จะนำไปสู่ปัญหาการใช้จ่ายเงิน ทราบว่ามีการเร่งรัดจัดทำโครงการ โดยกระทรวงมหาดไทยสั่งถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัดให้ทำโครงการขอเบิกงบเงินกู้จำนวน 4 แสนล้านบาท เวลาที่เสนอแค่เดือนเดียว โอกาสตรงเป้าหมายยาก อาจจะเกิดการฮั้วกันระหว่างผู้รับเหมากับผู้มีอำนาจแต่ละจังหวัดได้ง่าย

“แม้จะมีการชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องว่าในงบ 4 แสนล้านนี้ อาจจะมีการให้เสนอโครงการมาเป็นรอบๆ โดยรอบหลังๆ จะให้ภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมด้วย แต่ไม่มีรายละเอียดภาคประชาสังคมที่เสนอ ดังนั้นมีโอกาสที่การใช้เงินกู้จะไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเกิดการรั่วไหลทุจริต

จึงเสนอตั้ง กมธ.วิสามัญฯ เพื่อตรวจสอบโครงการให้มีการใช้เงินตรงตามวัตถุประสงค์และโปร่งใส พรรคประชาธิปัตย์ปรึกษากันแล้ว ทั้งอดีตหัวหน้าพรรค กรรมการบริหาร และ ส.ส. ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเห็นด้วย และปรึกษาเพื่อน ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านก็เห็นด้วย ถ้ามีการตั้ง กมธ.นี้ รัฐบาลจะแสดงออกถึงความโปร่งใส ใจกว้าง ส่วนที่ ส.ส. บางท่านไม่เห็นด้วย เราพยายามชี้แจงแล้ว น่าจะเป็นไปในทางที่ดี

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามถึงการพูดคุยกับทางพรรคพลังประชารัฐ เห็นด้วยหรือไม่อย่างไร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ฝากวิปรัฐบาลไปคุย แจ้งกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว เขาขอไปพูดคุยกับฝ่ายบริหาร คงชัดเจนภายในวันที่ 31 พ.ค. แต่ที่คุยเป็นการส่วนตัวกับ ส.ส. มีท่าทีเห็นด้วย มีเวลาคิดอีก 3-4 วัน ส่วนตัวคิดว่าเขาคงจะไม่ปฎิเสธข้อเสนอนี้ในทันที คงไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามถึงข้อเสนอนี้ซึ่งตรงกับฝ่ายค้าน นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราควรตรวจสอบการใช้จ่ายเงิน เป็นเรื่องของตัวแทนประชาชนต้องทำตามหน้าที่ โดยเหตุผลเป็นเรื่องที่รับกันได้ทุกฝ่ายอยู่แล้ว

สำหรับรายชื่อ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ผู้ขอเสนอญัตติ นำโดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายประกอบ รัตนพันธ์, นายเทพไท เสนพงศ์, นายชัยชนะ เดชเดโช, นายอันวาร์ สาและ และนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ทั้งนี้ มี ส.ส. ลงชื่อสนับสนุนอีก 20 คน อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์, นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ และนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์

ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทยและคณะได้ร่วมกันแถลงว่า ในฐานะส.ส.ขอใช้เอกสิทธิ์ร่วมกับส.ส.กว่า 20 คน จากหลายพรรคการเมือง เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตาม ตรวจสอบ การใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินตาม พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อสภาว่า รัฐบาลตั้งใจใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพโปร่งใส และชัดเจน ซึ่งมองช่องทางกลไกของรัฐสภา เป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการตรวจสอบรวมถึงเป็นหน้าที่ของ ส.ส. ที่จะตรวจสอบร่วมกับรัฐบาล เพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์”

อย่างไรก็เมื่อถามว่าการดำเนินการดังกล่าวมีการหารือกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ที่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากเป็นเจตนาที่ดีในการช่วยเหลือรัฐบาล