พลังธรรมใหม่ร้องศาลปค.ไต่สวนอัยการฯไม่อุทธรณ์คดี ขณะไพศาลโอ๋หลานโอ๊คหมดเคราะห์แล้ว

0

จากที่มีคำชี้ขาดจากสำนักงานอัยการสูงสุดไม่อุทธรณ์คดีพานทองแท้บุตรชายทักษิณ ชินวัตร ทำให้เกิดข้อคำถามต่อสังคมว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ทั้งขั้นตอนของอัยการฯที่ถูกตั้งข้อสังเกตุแม้จะออกมาชี้แจงแล้วก็ตาม???

ล่าสุดวันนี้(30 พ.ค.63) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อท.245/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค คดีกล่าวหาร่วมกันฟอกเงิน 10 ล้านบาท จากเหตุที่ ธนาคารกรุงไทย อนุมัติสินเชื่อให้เครือกฤษดามหานครว่า

ตนรู้สึกผิดหวังในการทำหน้าที่ของทนายแผ่นดิน ที่ยอมยกธงขาวยอมแพ้ตั้งแต่ยกแรก ทั้งที่มีโอกาสสู้ในยกต่อไป และขอตั้งคำถามไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าท่านได้ใช้ดุลยพินิจที่อยู่บนรากฐานความสมเหตุสมผลในการพิจารณาไม่อุทธรณ์ในคดีนี้แล้วหรือไม่ ทั้งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ซึ่งเป็นเจ้าของคดียังมีความเห็นให้นำคดีนี้ขึ้นสู่ศาลสูงเพื่อให้การต่อสู้คดีนี้เดินหน้าไปตามกระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ ยังกล่าวอีกว่า ศาลคดีอาญาทุจริตฯ ยังขยายระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์คดีนี้ไปจนถึงวันที่ 25 มิ.ย. 2563 ยังเหลือเวลาอีกหลายวันเหตุใดจึงเร่งรีบรวบรัดตัดตอน แถมยังใช้ช่วงเวลาที่ท่านอัยการสูงสุด เดินทางไปราชการ โดยให้รองอัยการอันดับ 1 ลงนามแทน ยิ่งทำให้สังคมเกิดความกังขาในการทำหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุดในครั้งนี้ขึ้นไปอีก

“การแพ้แบบหมดรูปในครั้งนี้ ทางพรรคพลังธรรมใหม่ได้รับฟังถึงข้อสงสัยจากประชาชนคนไทย ถึงการทำหน้าที่ของทนายแผ่นดินในครั้งนี้ จึงขอรวบรวมข้อโต้แย้งในแนวทางที่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดีพร้อมความเห็นให้นำคดีขึ้นสู่ศาลสูงของดีเอสไอ ไปยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดในวันจันทร์ที่ 1 มิ.ย.เวลา 10.00 น. เพื่อขอให้ไต่สวนฉุกเฉินระงับคำสั่งที่อาจจะไม่ชอบด้วยกฏหมาย และที่สำคัญการตัดสินใจครั้งนี้ยังมีความเคลือบแคลงจากสังคม ถึงการทำหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นจำนวนมากอีกด้วย” โฆษกพลังธรรมใหม่ กล่าว

ขณะที่นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงนายพานทองแท้ จากกรณีดังกล่าวว่า

“ต้องยินดีกับหลานโอ๊คที่หมดเคราะห์หมดกังวลด้วยคดีฟอกเงิน แล้ว หลายปีก่อนโน้นกำลังหนุ่มลำพองคะนองตามเพื่อน เตือนด้วยไมตรีที่มีมานาน เท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ว่าเป็นดวงใจของพ่อแม่ จะเอาไปวางไว้กลางสนามหลวงได้อย่างไร?

ยังแนะให้ดูตัวอย่างทศกัณฐ์ที่ถอดดวงใจไปไว้กับพระฤาษี แต่เมื่อประมาทก็ถูกหลอกเอากล่องดวงใจไป ในที่สุดก็ต้องตายด้วยศรพระราม

คนเราเวลาอยู่ในห้วงแห่งอำนาจก็มักจะเป็นอย่างนี้ อดีตเป็นอย่างนี้ปัจจุบันก็เป็นอย่างนี้ และเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็จะเหม็นเบื่อคำเตือน ระเริงละลิ่วไปในคำเยินยอหลอกลวง นั่นเป็นการท้าทายคำสอนของพระพุทธองค์ ที่ทรงตรัสสอนว่า คนทั้งหลายตราบเท่าที่ยังมีผู้เตือน ก็เป็นผู้มีลาภอันประเสริฐ”

ที่มา : เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol