จากพี่สนธิญาณ ถึงน้องปิยบุตร คำเตือนด้วยรัก ระวัง !! ไม่มีแผ่นดินอยู่

0

ในรายการ สนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง” ทางช่องสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ผ่านทางยูทูป  ทางด้าน สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่-แกนนำคระก้าวหน้า ระบุว่า..

มีคำเตือนไปถึง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ วันนี้คือแกนนำกลุ่มคณะก้าวหน้า ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เป็นการเคลื่อนไหวในเชิงรุก ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ คำเตือนที่มีถึง “น้องปิยบุตร” ก็คือ ระวังไม่ทีแผ่นดินจะอยู่ เป็นคำเตือนด้วยความรัก ไม่มีความเกลียดชังใดๆในจิตใจของพี่ต้อยอย่างแน่นอน

“ปิยบุตร..พี่ยินดีมากที่ปิยบุตรเข้ามาทักทายพี่ในการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาแก้ไข้รัฐธรรมนูญ และขออนุญาตเรียก “พี่ต้อย” เราได้มีการแลกเปลี่ยนประเด็นปละความคิดอ่านทางการเมือง” “สนธิญาณ”

สิ่งที่คิดเหมือนกันคือความรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน สิ่งที่คิดไม่เหมือนกันคือวิธีการ โดย วิธีคิด/วิธีการของปิยบุตรนั้น ตนอยากบอก “พี่ได้ผ่านประสบการณ์ ในวิธีการ/วิธีคิดแบบนั้นมาแล้ว วิธีการ/วิธีคิดที่นำผ่านสังคมไปสู่การปะทะ ดูเหมือนว่าจะนำพาไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอันสำคัญที่เชื่อมั่น แต่วิธีการแบบนี้ นำพาไปสู่ความแตกหักในสังคม เกิดความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติ”

สนธิญาณ”  กล่าวต่อมา..ปิยบุตรพยาพยามอย่างยิ่งที่จะต่อสู้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ปิยบุตรคิดว่าเป็นปัญหาต่อสังคมไทยในการปกครองของสังคมไทยในการปกครองระบบประชาธิปไตย ที่ไปศึกษามาจากฝรั่งเศส

ปิยบุตรพยายามที่จะนำเสนอเรื่องตุลาการภิวัตน์จนถึงกล้าบิดเบือน ซึ่งตอนไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอน ถ้าได้ศึกษาหรือมีใจอันเป็นธรรม พิจารณาพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๙ เมื่อวันที่๒๕ เม.ย. ๒๕๔๙ อย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่า นั่นเป็นพระราชหฤทัยที่เต็มไปด้วยความเป็นประชาธิปไตยในการต้องการแก้ไขปัญหา ให้ประเทศชาติเดินไป ภายใต้กลไกของการเลือกตั้งในระบบประชาธิปไตย ซึ่งมีคนมาเสนอให้พระองค์ท่านพระราชทานนายกฯตามม.๗ แต่ปิยบุตรไปบิดเบือนบอกว่าพระองค์ท่านใช้อำนาจของพระองค์ท่านสั่งศาล

สนธิญาณ”  กล่าวเพิ่มว่า ล่าสุดที่ต้องหยิบยกออกมาเตือนว่าไม่เลิกไม่ลา คือกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๒๗ พ.ค. ที่มา มีการพิจารณาพระราชกำหนด ๓ฉบับ และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณอีก๑ฉบับ พระราชกำหนดดังกล่าว เป็นพระราชกำหนดทางการเงินที่ออกมาแก้ไข้ มาช่วยเหลือประชาชน องค์กรทางธุรกิจ ตลาดทุนต่างๆ เพื่อที่จะให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งเป็นกฎหมายทางการเงินที่สำคัญ ควรอย่างยิ่งที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านจะต้องพิจารณาไตร่ตรองอย่างจริงจังในการควบคุมและดูแลไม่ให้รัฐบาลใช้เงินผิดประเภท หรือเปิดช่องให้มีการทุจริตคอรัปชั่น สภาผู้แทนราษฎรมีหน้าที่อันสำคัญที่ต้องควบคุม

ปิยบุตรได้ออกมารณรงค์บอกว่า กฎหมาย ๔ ฉบับนี้สำคัญ ประชาชนต้องให้ความสนใจ นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่สงสัยเหลือเกินว่า ปิยบุตรจะไปหยิบยกเอากรณีที่บอกว่า ส.ส.ไม่จำเป็นจะต้องปฏิญาณตนว่า มีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ หลักการส.ส.เป็นตัวแทนมาจากประชาชน..หยิบยกมาพูดทำไม? สนธิญาณ” ตั้งข้อสังเกต

เพราะจะปฏิญาณหรือไม่ อยู่ที่จิตวิญญาณของส.ส.อยู่แล้ว ที่ต้องทำงานเพื่อประชาชน เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ภายใต้งบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน เราก็ออกมารณรงค์เรียกร้องเหมือนกัน พี่ก็มีความต้องการแบบนี้ อยากให้ส.ส.ทำงานจริงจัง ตรวจสอบรัฐบาลอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับปิยบุตร เพราะหลายโครงการที่ผ่านมาของรัฐบาลก็มีความไม่น่าไว้วางใจ ในหลายเรื่องหลายประเด็น ภายใต้รัฐบาลผสม ภายใต้พรรคพลังประชารัฐที่ช่วงชิงอำนาจ และมีโปรเจคใหญ่เข้าเราศึกษาติดตามเหมือนกัน

แต่จำเป็นอย่างไรที่ต้องหยิบยกมาและบอกว่าการจะทำหน้าที่เหล่านี้เป็นการกระทำเพื่อประชาชนไม่เกี่ยวกับการแสดงความจงรักภักดี คือไม่พูดก็ไม่ได้เสียไร แต่ถามว่าทำไมถึงพูด

สนธิญาณ”เผย ตอนได้เจอกัน ปิยบุตรก็ตอบไม่ได้ เพราะยังเดินอยู่ในกระแสของการปฏิวัติประชาชน การปฏิวัตินั้นจะผ่านกลไกระบบรัฐสภา หรือจะเกิดขึ้นจากการลุกฮือของประชาชนก็ตามแต่ แต่ปิยบุตรและพรรคพวก คือธนาธร-ช่อ ก็ยังคิดและเชื่อตลอดเวลาว่ากระแสสำหรับคนรุ่นใหม่ตอนนี้ยังอยู่มันกระแสของตนเอง

แต่บ้านเมืองนั้นไม่ได้จบง่ายๆ หากเกิดการปะทะไม่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะ ก็จะเกิดการบาดเจ็บเสียหาย ดังนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เรียนว่าปิยบุตรเองจะลำบาก อาจจะบอกว่าไม่กลัว เป็นนักปฎิวัติกล้าตายก็ว่ากันไป และนี่เป็นคำเตือนจากพี่สนธิญาณ  สนธิญาณ”กล่าวทิ้งท้าย