สนธิญาณฟันธง”เพื่อไทย”แตกพรรค!รอรัฐบาลพัง หวังเลือกตั้งได้เกินครึ่ง รอบนี้คุณหญิงมากบารมีบัญชาการเอง งานนี้ลุงตู่ประมาทไม่ได้
ในรายการ “สนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง” ทางช่องสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ผ่านทางยูทูป ทางด้าน “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย หลังมีกระแสข่าวการตั้งพรรคของอดีตขุนพล คนใกล้ชิดอดีต“ทักษิณ ชินวัตร” ระบุว่า…
สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ แม้ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรับมนตรี จะแก้ไขปัญหาโควิด-19 ประสบความสำเร็จ แต่ความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เห็นหัวลุงตู่เลย แต่ละกลุ่มแต่ะละก้อนซัดกันนัว ช่วงชิงกำลังส.ส.ที่มีอยู่เอามาไว้ในมือเพื่อที่จะใช้เป็นอำนาจต่อลองระหว่างกัน
อีกด้านหนึ่งคณะของสามสหาย “ธร-บุตร-ช่อ” ก็เดินหน้า2ขาในฐานะ คณะก้าวหน้า และ พรรคก้าวไกล เคลื่อนไหวทิ่มแทงรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญเป้าหมายหลักก็คือ กองทัพและสถาบันศาล เหตุผลก็เพราะต้องการกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเชื่อว่านายกลุงตู่ คือเสาหลักที่สำคัญในทางอำนาจทางการเมืองของสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นจึงต้องบั่นทอนและทิ่มแทงลงให้ได้ ถามว่าเคยเห็นส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ เคยเห็นคนของพรรคพลังประชารัฐออกมาทำงาน ตอบโต้หรือชี้แจ้งข้อเท็จเหล่านี้หรือไม่ ตอบได้ว่าไม่มี
“สนธิญาณ” กล่าวต่อว่า ในด้านของพรรคเพื่อไทย แม้จะมีนักยุทธศาสตร์ทางการเมืองอยู่หลายคน แต่ในแง่ของการเคลื่อนไหวนอกสภา วันนี้พรรคเพื่อไทยโยนภาระนี้ให้กับคณะก้าวหน้า และ พรรคก้าวไกล ไปแล้ว สิ่งที่พรรคเพื่อไทยพิจารณาคิดอยู่ในขณะนี้ มีข้อสรุปว่ารัฐบาลลุงตู่อยู่ไม่ยาวแน่นอน เพราะจากสภาพการแตกแยกภายในและการทิ่มแทงของคณะก้าวหน้า และ พรรคก้าวไกล ซึ่งบั่นทอนรัฐบาลลุงตู่ลงทุกวันๆ อีกทั้งสภาพการณ์ของการอยู่ในอำนาจของลุงตู่ซึ่งอยู่มา 6 ปีแล้ว ประชาชนเบื่อหน่ายเป็นเรื่องปกติธรรมดา จากคะแนนนิยมที่เคยสูงลิ่วกดหัวทิ่มลงทุกวันๆ พรรคเพื่อไทยคิดว่าถึงระยะเวลาอีกไม่นานจะต้องมีการปรับหรือขยับทางการเมืองอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นการลาออก หรือไม่ก็ยุบสภา และถ้าไม่ดำเนินการในสองทางนี้ กระแสการกดดันของประชาชนก็จะยิ่งสูงขึ้น
ดังนั้นถึงนาทีสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคิดก็คือการเตรียมการรองรับที่จะกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง วันนี้พรรคเพื่อไทยสรุปบทเรียนความล้มเหลวการเลือกตั้งที่ผ่านมาแม้จะพยายามแตกพรรคออกมาเป็น3พรรค นั้นก็คือ เพื่อไทย เพื่อชาติ และไทยรักษาชาติ จนไทยรักษาชาติถูกยุบไป เพราะยุทธศาสาตร์ที่ผิดพลาดของ “ทักษิณ ชินวัตร” แต่ครั้งนั้นยังไม่จริงจังเท่าครั้งนี้
“สนธิญาณ”กล่าวว่า ในครั้งนี้จะมีการแตกพรรค เมื่อวิเคราะห์คำนวณพื้นที่ คะแนนของส.ส.แต่ละคนที่จะได้ และคะแนนที่จะมาเสริมเพิ่มเติมเพื่อทำให้ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มขึ้น จนได้ส.ส. 200 เสียงขึ้นไป บวกกับเครือข่ายพรรคฝ่ายค้านจะทำให้ส.ส.เกิน 250เสียง จะทำให้สามารถตั้งรัฐบาลเองได้
หลายท่านอาจจะทักท้วงว่า ว่าบทเฉพาะการของรัฐธรรมนูญ ม.272 ที่บอกว่า 5ปีแรกยังให้วุฒิสภาโหวตได้ และพรรคเพื่อไทยหรือแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน ถ้าเกิน250เสียงขึ้นไป จะตั้งรัฐบาลได้อย่างไร แน่นอนว่า การเขียนรัฐธรรมนูญม.272 ขึ้นมา ไม่ใช่เพิ่มการส่งเสริมให้ใครเป็นายก แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือสกัดกั้น ไม่ให้คนที่ไม่ต้องการเป็นนายกได้ขึ้นมาเป็นนายก แต่ระยะเวลาที่ผ่าน2-3ปี รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่มีความหมาย ถ้าพรรคก้าวหน้าปลุกประชาชนขึ้นมาได้ การใช้รัฐธรรมนูญ ม.นี้จะเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่งในการทำให้เกิดแรงปะทะทางการเมืองได้
และยุทธศาสตร์ที่พรรคเพื่อไทยเตรียมการ ขณะนี้จะแตกออกเป็นหลายๆพรรคเพื่อให้เกิดการสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน อีกทั้งปัญหาในพรรคเพื่อไทยเอง ก็จะได้คลี่คล้ายด้วย เพราะวันนี้ทุกคนอึดอัดกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทหรือพยายามแสดงบทบาทมากกว่าหัวหน้าหรือเลขาธิการพรรค “สนธิญาณ”กล่าว
กลับไปดูคะแนนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา จะเห็นชัดว่าพรรคพลังประชารัฐได้แปดล้านสี่แสนคะแนน ซึ่งความนิยมมาจากลุงตู่ พรรคเพื่อไทยได้ เจ็ดล้านเก้าแสนคะแนน โดยพรรคพลังประชารัฐได้ส.สเขตไป90กว่าคน บวกกับส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อีก19คน แต่พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.เขตมา137 คน แต่ไม่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เลย
“สนธิญาณ”เผยอีกว่า เที่ยวนี้การแบ่งแยกมาเป็น กลุ่มอุดมการณ์ เป็นนักยุทธศาสตร์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ประกอบไปด้วย “ภูมิธรรม เวชยชัย” “หมอเลี้ยบ-นพ.สุรพงษ์สืบวงศ์ลี” และ “หมอมิ้ง-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช” 3คนนี้เป็นเพื่อนซี้กัน นักยุทธศาสตร์ที่ร่วมกันมาโดยตลอด เคยเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เคยเข้าป่า มีความคิดทางยุทธศาสตร์ชูบทบาทในการจะยืนหยัดเพื่อประชาชน
อีกกลุ่มหนึ่ง จะเป็นกลุ่ม “พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล” , “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บํารุง” และคณะผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย รวมกันในกลุ่ม บวกกับพรรคเพื่อชาติเดิมที่ยังจะต้องเดินต่อไป และกลุ่มไทยรักษาชาติ “จาตุรนต์ ฉายแสง”จะไปรวบรวมผู้คนมาอีก หนึ่งพรรค
การปรับเที่ยวนี้ไม่ธรรมดาเพราะคุณหญิงผู้มีบารมีเหนือรักไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ปัจจุบัน กระโดดลงมาบัญชาการเองหรือเป็นที่ปรึกษาในการจัดการเอง แม้ว่าจะหย่ากับสามีที่อยู่แดนไกลแล้วก็ตาม งานนี้ลุงตู่จะประมาทไม่ได้ “สนธิญาณ”กล่าว