เปิดบันทึกประสบการณ์หนุ่มกลับไทย เผย 14 วันกักตัว ไม่แปลกใจคนติดโควิดน้อย ภูมิใจในประเทศไทยมาก

0

เปิดบันทึกประสบการณ์หนุ่มกลับไทย เผย 14 วันกักตัวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตั้งใจและใส่ใจ ไม่แปลกใจคนติดโควิดน้อย ภูมิใจในประเทศไทยมาก

โลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อบทความของ หนุ่มรายหนึ่งได้เล่าประสบการณ์การของการกักตัว14วัน เมื่อได้กลับประเทศไทย โดยผู้ใช่้เฟสบุ๊คที่ชื่อ  Korrapat Than โดยมีเนื้อหาในโพสต์ระบุว่า บันทึก ปสก ครั้งหนึ่ง ครั้งแรก และขอให้เป็นครั้งเดียว ! 14 วันกักตัว

15 มีนา 2020 คือวันแรกของ MCO และเริ่มวงจรอุบาศก์ของชีวิตที่ติดอยู่ห้องที่มาเล ….ตื่นนอน อาบน้ำ ทำงาน ประชุม กินข้าว สั่งแกร๊บ นอน…วนอยู่แบบนี้มาตลอดเกือบ 3 เดือน แรกๆก็ลำบาก แต่พอเริ่มปรับตัวได้ก็พยายามหากิจกรรมทำ ออกกำลังกาย เล่นเกมส์ เรียนภาษาญี่ปุ่นผ่าน youtube …โคตรเป็นชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ได้ลำบาก แต่ก็แอบทรมาน

…..อยากกินอาหารอร่อยยยย….ได้แต่มองรูปและสไลด์หน้า FB ผ่านไป ก็มาเลมันไม่มีนี่นา …..อยากกลับเมืองไทยยย…..กลับไม่ได้ ไม่มีไฟลท์ ที่จองการบินไทยไปแคนเซิลหมด แถมหากกลับได้ยังต้องมีเอกสาร ใบรับรองอีกมากมาย

เอาน่ะ เทียบกับคนอื่นเราก็ไม่ได้ลำบากมาก ยังหาข้าวกินได้ มีที่พักปลอดภัย มีงานทำ เลยคิดว่าจะรอจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ๆๆๆๆ มันไม่ดีเลย พอปลด MCO คนมาเลบางคนเดินข้างนอกไม่ใส่หน้ากากแล้วทั้งๆที่แต่ละวันมีคนติด 50 เคสอัพ!! ถ้าเกิด superspreader ไม่ต้องสืบเลย MCO รอบสองมาแน่นอน แล้วจะให้มาติดเกาะแบบนี้อีก 3 เดือน No Moreeee …..ตัดสินใจได้ สรุป หาทางกลับดีกว่า!!!

มาเจอสถานกงสุลที่ช่วยเหลือคนไทย ให้ลงทะเบียนว่ามีใครประสงค์จะกลับบ้านบ้าง กว่าจะกลับได้ก็ทุลักทุเลพอสมควร และเกือบไม่ได้กลับเพราะลงทะเบียนไม่ทัน แต่สุดท้าย yeah! here I am!

ตัดมาที่เมืองไทยเลยละกัน ก้าวแรกที่ลงเครื่อง ตกใจมาก เจ้าหน้าที่ทุกคนมาเป็น full armor suit เหมือนในเกมใส่ตั้งแต่หัวยันเท้า ในขณะที่มาเล ในสนามบินเราไม่เห็นเจ้าหน้าที่คนไหนใส่เลย

ระบบการจัดการเมืองไทยใส่ใจกว่ามาก เป็นระเบียบ เป็นขั้นตอน ไม่แปลกใจที่จำนวนคนติดเชื้อน้อย หลังจากลงจากเครื่อง เจ้าหน้าที่ก็ต้อนทุกคนไปยังจุดนั่งรอ มีเก้าอี้เซ็ทเป็นแถวเรียงกันห่างๆ ระหว่างนั่งรอเจ้าหน้าที่ก็อธิบายขั้นตอนให้ฟังและเตรียมเอกสาร เค้าจะเรียกไปทีละหน้ากระดานเข้าไปพบกับเจ้าหน้าที่ทาง สธ ที่คอยยืนสกรีน สอบถามประวัติ ตรวจอุณหภูมิ และลงบันทึกข้อมูลเพื่อติดตามภายหลัง

ผ่านออกมาก็จะเจอแถวให้นั่งรออีก แถวละ 10 คน 2 แถว พอครบก็ให้เดินเป็นขบวนห่างๆ ไปยังจุดตรวจต่อไป มีเจ้าหน้าที่เช็คเอกสารและค่อยๆปล่อยให้เข้าไปจุดตรวจ ตม แต่แค่ทีละ 2-3 คน ตรงจุด ตม ก็ตรวจตามปกติแต่ทุกเคาน์เตอร์จะมีเจ้าหน้าที่คอยทำความสะอาดเคาน์เตอร์ พ่นน้ำยาเช็ดทุกครั้งหลังมีคนผ่านออกไป และไม่ต้องแสกนนิ้วมือแล้ว! สะอาดเวอร์!

พอผ่าน ตม ออกมาตรงจุดรับกระเป๋า ก็จะมีพี่ตำรวจ หรือทหารนี่แหละคอยช่วยส่งกระเป๋าให้แล้วก็ค่อยๆเดินเรียงแถวออกจากสนามบิน เจ้าหน้าที่จะให้บัตรหมายเลขและมีจุดแจกน้ำ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนผ่าน custom

พอออกมาด้านนอกเกทสนามบิน เราจะเห็นรถบัสมาจอดรอรับเพื่อพาไปยังสถานที่กักตัว แต่ๆๆ ยังขึ้นรถไม่ได้นะ จะมีทหารรอดักอยู่เป็นกลุ่มๆ ที่หน้าประตู พอเดินออกมา เค้าจะให้เราเอากระเป๋าไปวางในช่องที่ขีดไว้สีแดงๆแล้วให้สั่งเราถอยไปจากนั้นก็พ่นฆ่าเชื้อรอบกระเป๋าทุกใบ เราคืนหมายเลขให้เจ้าหน้าที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ลากขึ้นรถให้เองเลย ส่วนไอ้เราก็ขึ้นรถไปนั่งรอเป็นอันจบ ในที่สุดก็ผ่านออกมาได้ (เฮ้ออ)

บนรถแต่ละคนนั่งแยกกัน จนมาถึงที่กักตัวซึ่งสถานที่กักตัวก็คือโรงแรมนึงในพัทยา เรานั่งรอบนรถนานมาก มารู้ทีหลังว่าเค้าทยอยให้ลงทีละคันรถ เพื่อไม่ให้คนมาออกันข้างล่าง เจ้าหน้าที่ขนกระเป๋าลงมารวมไว้ตรงกลาง แล้วให้ลงมาทีละ 5 คนหยิบกระเป๋าแล้วผ่านจุดตรวจอุณหภูมิอีกรอบก่อนเข้าโรงแรม เข้าไปจุดเช็คอิน เค้าให้ถือบัตรประชาชนกับคีย์การ์ดแล้วถ่ายรูป ผ่านเข้าไปจะมีจุดมาร์คที่พื้น ให้ต่อแถวขึ้นลิฟท์ห่างๆทีละคน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด ไม่มีการเข้าใกล้ ไม่มีการสัมผัสทั้งสิ้น

ขึ้นมาบนห้องพัก บนโต๊ะจะมี instruction ให้ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง มีกลุ่ม LINE เพื่ออัพเดทกัน ทั้งของโรงแรมและหมอ ทุกคนจะต้องวัดไข้รายงานทุกวันเช้าเย็น ทุกอย่างละเอียด และหลังวันที่5 และ 10 ที่กักตัวจะต้องโดน swop ไปตรวจเชื้อ….เหอๆๆๆ อาหารมื้อแรกเป็นข้าวผัดธรรมดานี่แหละ แต่อร่อยมากกก จากร้านครัวร่มไม้

เจ้าหน้าที่ทุกคนตั้งใจและใส่ใจ ทุกคนทำงานกันหนักและตั้งใจจริงๆ ประทับใจและภูมิใจในประเทศไทยมาก จริงๆอยากถ่ายรูปมาให้ดู แต่หลายๆขั้นตอนก็ไม่ได้สะดวกถ่ายจริงๆ มีเท่าที่เห็นนี่แหละนะ

โพสนี้น่าจะเป็นโพสที่ยาวที่สุดที่เคยเขียน แค่อยากเขียนเก็บไว้ และแชร์ ปสก เผื่อเป็นประโยชน์ครับ

edit ชี้แจงเพิ่มเติม: มีคนดราม่าว่าไปทำไม กลับมาแล้วสร้างความวุ่นวาย แต่ละคนก็มีภาระหน้าที่และสถานการณ์ต่างกันนะ กรณีผมคือบริษัทส่งตัวไปทำงานที่ต่างประเทศครับ เงินภาษีทุกบาททุกสตางค์ก็ยังจ่ายให้กับประเทศไทยครับ จุดประสงค์ของการโพส ไม่ได้อยากให้ดราม่ากันนะ ถ้าไม่ถูกใจท่านไหนก็เลื่อนผ่านไปได้เลยครับ