“ชูชาติ ศรีแสง” ดักคอฝ่ายแค้น หากยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉินโควิดระบายรอบสอง ประสานเสียงไล่รัฐบาลล้มเหลว ใครป่วยไม่สน ขอแค่ได้ไล่บิ๊กตู่

0

“ชูชาติ ศรีแสง” ดักคอฝ่ายแค้น หากยกเลิกพ.ร.ก. ฉุกเฉินโควิดระบายรอบสอง ประสานเสียงไล่รัฐบาลล้มเหลว ใครป่วยไม่สน ขอแค่ได้ไล่บิ๊กตู่

สืบเนื่องจากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ชุดใหญ่ โดยที่ประชุมมีมติต่ออายุพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ไปอีก 1 เดือนให้ครอบคลุมถึง 30 มิ.ย.  อีกครั้ง โดยปัจจัยหลัก 3 ประการ ดังนี้

-เพื่อเตรียมการรองรับมาตรการผ่อนปรนในระยะต่อไป การดำเนินการต้องมีเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานกลาง ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

-ยังคงมีความจำเป็นและต้องมีการบังคับใช้ตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยประเทศไทยอยู่ระหว่างการกำหนดมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นกิจกรรม/กิจการที่มีความเสี่ยงสูง จำเป็นต้องมีมาตรการตามกฎหมาย เพื่อกำกับการบริหารจัดการเพื่อบริหารจัดการมาตรการผ่อนคลายอย่างเป็นระบบในเวลาที่เหมาะสม

-สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังไม่สิ้นสุด โดยที่มีข้อมูลว่าหลายประเทศยังคงมีการระบาดและมีผู้ติดเชื้อในระดับสูง และเมื่อประเทศไทยได้จัดทำมาตรการผ่อนคลายครบทั้ง 4 ระยะแล้ว จำเป็นต้องมีระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ อาทิ มาตรการด้านกฎหมาย แผนปฏิบัติการในการบริหารวิกฤตการเพื่อรองรับกับความเสี่ยงที่อาจกลับมาแพร่ระบาดของโรค

ขณะเดียวกันนายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพตส์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าวระบุว่า

…..ถ้ายกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และใช้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพียงฉบับเดียวมาใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙

…..อำนาจในการปฏิบัติตาม พรบ.โรคติดต่อ เป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ไม่มีอำนาจที่จะสั่งการใดๆ ตามกฎหมายฉบับนี้

…..ผู้ที่ออกมาต่อต้านและเรียกร้องให้ยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน น่าจะรู้ดีว่าการแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-๑๙ ที่ประเทศไทยประสบความสำเร็จจนทั่วโลกให้การยอมรับและยกย่องนั้น เหตุผลสำคัญประการหนึ่งก็คือการนำ พรก.ฉุกเฉิน มาใช้ในการปัญหาเพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งการได้ในทุกกรณี


…..ถ้ายกเลิก พรก.ฉุกเฉิน และใน รมต.สาธารณสุข ใช้ พรบ.โรคติดต่อแก้ปัญหา โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ไม่มีอำนาจยุ่งเกี่ยว เชื่อได้ว่าการระบาดของโควิด-๑๙ รอบสอง เช่นที่เกิดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ ที่ในรอบแรกมีผู้ป่วยเพียง ๑,๐๐๐ คนเศษ แต่ขณะนี้มีผู้ป่วยถึง ๓๐,๔๒๖ คน ทั้งๆ ที่มีประชากรทั้งประเทศเพียง ๕ ล้านคนเศษเท่านั้น


…..ถ้าประเทศไทยมีผู้ป่วยเท่าหรือมากกว่าสิงคโปร์เมื่อใด ผู้ที่ออกมาต่อต้านการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน และผู้ที่คอยจ้องล้มรัฐบาลชุดนี้ก็จะประสานเสียงออกมาขับไล่รัฐบาลชุดนี้โดยอ้างเหตุว่าแก้ไขป้องกันการระบาดของโควิด-๑๙ ล้มเหลว


…..ส่วนประชาชนคนไทยจะป่วยเจ็บและเสียชีวิตมากมายเแค่ไหน แม้อาจมีญาติพี่น้องของตนเองรวมอยู่ด้วย บุคคลเหล่านี้ก็คงไม่สนใจ เพราะต้องการเพียงให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากผู้นำของประเทศไทยเท่านั้น

 

…..ถ้ายกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ และใช้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘…

Posted by Chuchart Srisaeng on Friday, May 22, 2020