จากที่วันนี้(20 พ.ค.63) เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือนปช. โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กถึงเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี53 และลากโยงไปถึงพล.อ.ร่มเกล้า พร้อมพาดพิงว่าเป็นฝีมือทหารสังหารกันเอง???
นี่ไม่ใช่ “สงคราม” ครับ แต่นี่เป็นการไล่ยิงคนสองมือเปล่าข้างเดียว ฝ่ายคนเสื้อแดงไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ถ้ามีกองกำลังติดอาวุธทหารต้องตายเป็นเรือนสิบเรือนร้อยแน่นอน แต่นี่ยิงกันเองตายไปสาม-สี่ศพครับ ร่มเกล้าตายต้องสันนิษฐาไว้ก่อนว่าทหารด้วยกันจึงสามารถทำได้เพราะต้องรู้ว่ามีกองบัญชาการรบส่วนหน้า
ต้องรู้ว่าร่มเกล้าอยู่ในกองบัญชาการรบส่วนหน้า ต้องรู้ว่าร่มเกล้าอยู่ที่ไหนในเวลาขว้างระเบิดM67 ต้องอยู่ในระยะขว้างแม่นยำ(ประมาณ30เมตร) องค์ประกอบทั้งหมดนี้ ต้องอยู่ในหมู่ทหารเท่านั้น เพราะเวลาร่มเกล้าตายทหารยึดครองพื้นที่แน่นหนาไปหมดเบียดจนแทบไหล่กระทบกัน
เสื้อแดงอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหรือห่างจากปากซอยถนนดินสอไปหลายเมตรห่างจากร่มเกล้าเกินกว่า50เมตรที่ระเบิดM67ขว้างไม่ถึงแน่นอน ใครครับที่ฆ่าร่มเกล้าได้ถ้าไม่ใช่ทหารด้วยกันเอง??? ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องส่งเรื่องนี้ขึ้นตามประมวลวิอาญาม.150
เพื่อขอคำสั่งการตายของศาลนะครับ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งการตายว่า ผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน ใครทำให้ตาย ผมยืนยันว่านี่ “ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นศอฉ.สั่งทหารและกองทัพยิงประชาชนสองมือเปล่าฝ่ายเดียว”จะเรียกสงครามได้อย่างไรครับ
ย้อนไปเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2557 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.ในขณะนั้น แถลงผลการจับกุม นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี หมายจับศาลอาญา ที่ 1600/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี หมายจับศาลอาญา ที่ 1603/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา อายุ 33 ปี หมายจับศาลอาญา ที่ 1604/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี หมายจับศาลอาญา ที่ 1605/2557 ลง 10 ก.ย. 2557
และ นางปุณิกา หรือ อร อายุ 39 ปี หมายจับศาลอาญา ที่ 1606/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 ซึ่งทั้งหมดเป็นขบวนการชายชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารจากเหตุการณ์ความรุนแรงช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือน เม.ย. 2553 เป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพรองค์ (พล.ร.21 รอ.) เสียชีวิต
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลาประมาณ 20.00 น. มีการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณข้างเคียง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ขณะนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายแต่งกายเป็นชายชุดดำ ใช้อาวุธสงครามยิง และขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชนจนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในคืนวันนั้นด้วยดังกล่าว
ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุที่บริเวณแยกคอกวัวจริง โดยนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า พวกตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างมา มารู้จักกันเพราะมาร่วมทำวานนี้ โดยได้เจอกันที่สถานีวิทยุชุมชน เอฟเอ็ม 91.75 ส่วนอาวุธก็ไม่เคยฝึกใช้มาก่อน วันเกิดเหตุก็ไปรับอาวุธที่บ้านริมน้ำ
จากนั้นนายธนเดช หรือไก่ ก็ได้สอนการใช้อาวุธว่าทำแบบไหน แล้วก็ตามๆกันไป โดยไม่ได้เจาะจงว่าให้ยิงใครเป็นการเฉพาะ บอกให้ยิงในซอยนั้นก็ยิง ไม่ได้บอกให้ยิงทหารคนไหนเป็นพิเศษ สำหรับวันเกิดเหตุโดยนายกิตติศักดิ์ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 และระเบิด เอ็มเค-2 นายธรรมรัตน์ ใช้อาวุธเอ็ม 79 นายธนเดช ใช้อาวุธปืน เอ็ม 203 นายวัฒนะโชค ใช้อาวุธปืนเอเค 47 นายปรีชาใช้อาวุธปืน เอเค 47 นายรณฤทธิ เฝ้ารถไม่มีอาวุธ นายชำนาญ ใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ส่วนนางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิง เอ็ม100
ต่อมา 31 ม.ค. 2560 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาใน “คดีชายชุดดำ” แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช. ) ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ,นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น ,นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา ,นายชำนาญหรือเล็ก ภาคีฉาย และนางปุณิกา หรืออร ชูศรี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐาน ร่วมกัน พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ หรือชุมชน และมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490
โดยศาลพิพากษาว่า นายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 1 และนายปรีชา จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ.2490 ให้จำคุกคนละ 8 ปี และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง ที่ชุมชน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี ส่วนนายรณฤทธิ์ ,นายชำนาญ และนางปุนิกา จำเลยที่ 3-5 นั้น พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
คดีนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 รัฐบาลอภิสิทธิ์โดย ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ. )ได้สั่งปฏิบัติการ “ขอคืนพื้นที่” จากการชุมนุม บริเวณสี่แยกคอกวัว มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องระหว่างผู้ชุมนุม แนวร่วว นปช. กับทหารมีผู้เสียชีวิต 27 ราย เป็นพลเรือน 22 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร 5 นาย โดยหนึ่งในนั้น คือ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสนาธิการ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ฯ จ.ปราจีนบุรี ทั้งนี้ในเหตุการณ์ดังกล่าว มีคนเห็น“ชายชุดดำ” ปรากฏตัวขึ้นและมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ จนทำให้เกิดการสูญเสีย มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บ