รบ.ขอบคุณสภาลมหายใจเชียงใหม่ชงแก้มลพิษ บิ๊กป้อมลุยลงพื้นที่ทันที

0

จากที่สภาลมหายใจเชียงใหม่ นำโดย นายบัณรส บัวคลี่ ผู้ประสานงานฯเตรียมนำข้อเสนอ ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง 15 ปีมลพิษอากาศฝุ่นละอองภาคเหนือ ปี 2564 ต้องมีความก้าวหน้าที่จับต้องได้ ที่สำนักงานสภาลมหายใจเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่นั้น

ล่าสุดวันนี้(20พ.ค.63) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยตามที่สภาลมหายใจเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ถึงคณะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่อง 15 ปี มลพิษอากาศฝุ่นละอองภาคเหนือ ปี 2564 ต้องมีความก้าวหน้าที่จับต้องได้ ว่ารัฐบาล ขอขอบคุณสภาลมหายใจเชียงใหม่ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและติดตามความก้าวหน้าของการแก้ปัญหามลพิษอากาศฝุ่นละอองภาคเหนือ และคอยสอดส่องการแก้ปัญหาเพื่อให้เป็นไปในทิศทางที่ดี และเพื่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลมีความพยายามมาตลอดในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองภาคเหนือ โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่เสมอให้เร่งดำเนินการแก้ปัญหา มลพิษอากาศฝุ่นละอองและฝุ่นควันภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับปัญหาดังกล่าว

นอกจากนี้ นางนฤมล ยังย้ำว่าทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องการแก้ปัญหาดังกล่าวเพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อกระบบสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งปัญหาผลกระทบของระบบเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น

รัฐบาลขอบคุณสภาลมหายใจเชียงใหม่ ในฐานะองค์กรประชาสังคมที่รณรงค์เคลื่อนไหวเพื่ออากาศสะอาด แต่การแก้ปัญหาหรือการจัดการเรื่องนี้ จะทำเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่ได้ ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาร่วมมือกันและเชื่อว่าหลังจากนี้การแก้ปัญหาจะไปในทิศทางที่ดีขึ้น”โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ค.63) พล.อ.ประวิตร จะเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปลูกต้นไม้และรับฟังการถอดบทเรียนปฏิบัติการแก้ปัญหาสถานการณ์ไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเข้าไปรับฟังการแก้ปัญหาที่ผ่านมา พร้อมร่วมกำหนดแนวทางการดำเนินการในอนาคต รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอทุกด้าน จากทุกภาคส่วน ที่จะช่วยให้การแก้ปัญหามลพิษอากาศฝุ่นละอองและฝุ่นควันภาคเหนือให้เบาบางลงและหมดสิ้นไปในที่สุด แต่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะส่วนราชการที่มีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมารัฐบาลได้เข้มงวดและสั่งการให้เร่งดำเนินการมาตลอด

“รัฐบาลตระหนักเสมอว่าการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จะดำเนินการเฉพาะระดับจังหวัดหรือระดับภาคอาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้ ในส่วนของรัฐบาลได้มีการลงพื้นที่ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การแก้ปัญหามาตลอด รัฐบาลยังเชื่อว่ามีการบูรณาการการทำงานในระดับหนึ่ง และเชื่อว่าถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมแรงกัน และคอยตรวจสอบดูแลการทำเผาป่าทำลาย ที่เป็นต้นเหตุของฝุ่นละออง จะทำให้ปัญหามลพิษอากาศคลี่คลายในที่สุด”

สำหรับสภาลมหายใจเชียงใหม่และประชาคม นำเสนอหลักการสำคัญ ผ่านจังหวัดเชียงใหม่ไปแล้ว และขอให้รัฐบาลพิจารณาผนวกและเร่งรัดดำเนินการในกลไกของภาครัฐอย่างจริงจังใน 7 หมวด 17 ประเด็นดังนี้ หมวดที่ 1 กระบวนการให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วม 1.1. รวมพลังทุกภาคส่วน กันเขตชุมชนและที่ทำกิน ออกจากป่าธรรมชาติให้แล้วเสร็จ นำร่องในนาม “เชียงใหม่โมเดล”โดยใช้ข้อมูลและข้อเท็จจริงตามหลักวิชาการ

1.2. สร้างกระบวนการวางแผนและแก้ปัญหาฝุ่นควันอย่างยั่งยืน บูรณาการทั้งดูแลป่า ป้องกันไฟ และแก้ปัญหาฝุ่นควัน ร่วมกับชุมชน วางระเบียบกติกา โดยมีคณะกรรมการบริหาร 1.3. มีการจัดการบริหารเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการในทุกมิติ และแผนบริหารฯ อย่างชัดเจนที่ทุกฝ่ายยอมรับ

1.4. สนับสนุนและให้กำลังใจพื้นที่ Best Practice ที่สามารถจัดการและแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันได้ และเข้าไปสนับสนุนการแก้ปัญหาในพื้นที่ที่มีการเผาซ้ำซากโดยเร่งด่วน 1.5. เสนอให้ อปท. เป็นแกนประสานการทำงานในระดับพื้นที่ ร่วมกับท้องที่ และชุมชน

หมวดที่ 2 พัฒนาระบบความรู้และฐานข้อมูล 2.1. ทบทวนวิธีตรวจสอบและวิเคราะห์จุดความร้อนให้ถูกต้องแม่นยำ 2.2. เร่งทำแผนที่ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง-ชื้น รวมทั้งแนวกันไฟในแต่ละเขตพื้นที่ให้ชัดขึ้นให้สามารถบริหารเชื้อเพลิงได้เหมาะสมกับระบบนิเวศของป่า

2.3. จัดทำข้อมูลเชิงวิชาการ เพื่อนำมาวางแผนในการแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันอย่างยั่งยืน 2.4. จัดเวทีวิชาการเพื่อหาข้อตกลงเรื่องการจัดการที่ดินและการบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้เป็นที่ยอมรับ รับรู้ร่วมกันทุกฝ่าย 2.5. เสนอให้ฝ่ายนโยบายปลดล็อคข้อกฎหมายบางข้อ เพื่อให้นโยบาย”เชียงใหม่โมเดล”เกิดขึ้นจริง และคำนึงถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิต

ที่มาภาพ : เว็บไซต์https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/881209