จากเมื่อวันที่19 พ.ค.63 ที่ชั้น 5 อาคารไทยซัมมิท คณะก้าวหน้า ได้จัดกิจกรรมเสวนาในประเด็น จาก The Look of Silence ถึง ความเงียบแห่งเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการเสวนาถึงเหตุการณ์สลายชุมนุมในปี 2535 และ 2553 นั้น
ทั้งนี้โดยมี พวงทอง ภวัครพันธุ์ นักวิชาการ, ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระและสื่อมวลชน, วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ พิธีกรและนักแสดง และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า โดยมีพรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่เป็นผู้ดำเนินรายการ
โดยก่อนเริ่มต้นการเสวนามีการพูดถึงกิจกรรมการฉายเลเซอร์พร้อมแฮชแท็ก #ตามหาความจริง และมีการนำเสนอข้อมูลความจริงชุดต่างๆ ออกมาเผยแพร่อีกมา อาทิ กรณีทำไมคนเสื้อแดงถึงต้องบุกไปโรงพยาบาลจุฬาฯ หรือ กรณี สายชล แพบัว ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ปี 2553 จากภาพถือดับเพลิงแต่ถูกบิดเบือนว่าเป็นถังแก๊ส แต่สุดท้ายศาลตัดสินยกฟ้อง ทำให้เขาต้องติดคุกโดยไม่มีความผิดเป็นเวลานาน
ต่อมามีการเริ่มเสวนาจากผู้เข้าร่วมรายการซึ่งมีบางช่วงที่น่าสนใจ โดยเฉพาะนักวิชาการที่เข้ามาเวทีคณะก้าวหน้าครั้งนี้ที่ต้องถือว่าน่าจะเป็นครั้งแรกที่มีการยอมรับว่าการชุมนุมของม็อบนปช.เมื่อปี2553มีชายชุดดำด้วย เพราะบรรดาแกนนำนปช.หรือแม้แต่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลคสช.ก็มีการปฏิเสธมาโดยตลอด
รศ.ดร. พวงทอง กล่าวว่า สำหรับคนที่ตามรายงานเรื่องการสลายชุมนุมปี 2553 ถ้าไปค้นสิ่งแรกที่จะเจอคือรายงาน คอป. ซึ่งสื่อกระแสหลักส่วนใหญ่มักนำไปใช้ ซึ่งรายงาน คอป. สำหรับตนนั้นคือใบอนุญาตให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ และ ศอฉ. ลอยนวลและโยนความผิดให้กับผู้ชุมนุม คือ ชายชุดดำ เพราะรายงานระบุว่า ชายชุดดำเป็นพวกเดียวกันกับคนเสื้อแดง และทุกจุดที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นมีชายชุดดำโผล่มา และทหารป้องกันตัวเอง ยิงใสชายชุดดำ กระสุนพลาด โดนประชาชน
“นี่เป็นรายงานที่อธิบายให้ความเห็นอกเห็นใจทหารเยอะมาก แต่สำหรับรายงาน ศปช. ของเรา พบว่าจุดที่มีชายชุดดำโผล่ จุดเดียว คือ วันที่ 10 เมษายน ตรงแยกคอกวัว แต่ส่วนอื่นๆ ไม่เกิดขึ้น และการที่กองทัพยิงประชาชนนั้นเป็นเรื่องที่เกินกว่าเหตุ คนเสียชีวิต 84 คนไม่มีใครมีอาวุธร้ายแรงในมือที่จะทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐได้ แต่เรากลับพบว่าแทนที่เจ้าหน้าที่จะป้องกันตัว แต่เป็นเป็นการยิงระดับหัวขึ้นไป เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิยิงคนไม่มีอาวุธให้ตาย หลักฐานนี้คือการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ นี่เป็นความจริงอีกชุดที่ต่างจาก คอป.
ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลายเรื่องในรายงานของเรา ได้รับการยืนยันว่าถูกต้องโดยศาลมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการไต่สวน 18 ราย ศาลยืนยันผู้เสียชีวิตมาจากกระสุนฝั่งทหาร หรือกรณี 6 ศพในวัดปทุมวนาราม รายงานของ คอป. บอกมีชายชุดดำ แต่การไต่สวนการตายของศาลอาญาระบุว่าไม่มีชายชุดดำอยู่เลย และในวัดซึ่งมีคนอยู่เป็นร้อยยืนยันตรงกันว่าไม่มีใครเห็นชายชุดดำ
ส่วนอาวุธที่ทหารบอกว่าค้นได้จากในวัด ก็เกิดจากค้นได้หลังสลายชุมนุมหลายวัน พยานสำคัญคือตำรวจ 3 คน จากตึกสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกว่าไม่เห็นมีการยิงออกมาจากวัด เห็นแต่ทหารยิงฝ่ายเดียว ดังนั้น ศาลจึงฟันธงว่าไม่มีชายชุดดำ ผู้เสียชีวิต 6 คน เสียชีวิตการกระทำของทหาร
ข้อมูลหลายอย่างเราได้รับรองแล้วจากศาล เพียงแต่กระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องถูกทำให้ชะงักงันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังรัฐประหาร 57 เป็นต้นว่า 3 เดือนให้หลังรัฐประหาร ศาลอาญาที่รับฟ้องคดีนี้ กลับบอกว่าตนไม่มีอำนาจในการพิจารณา สำหรับตน การรัฐประหาร 57 แยกไม่ออกจากกระบวนการยุติธรรมสลายชุมนุมปี 2553” รศ.ดร. พวงทอง กล่าวช่วงหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยเป็นผู้ประสานงาน ศูนย์ข้อมูลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมษา-พฤษภา 53(ศปช.) ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักวิชาการและนักกิจกรรมทางสังคมกลุ่มหนึ่ง จัดทำรายงานเหตุการณ์ปี 53 เป็นการทำงานคู่ขนานและตรวจสอบการทำงานของ คอป. ที่จัดตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นคู่กรณีในความขัดแย้งดังกล่าว