สนธิญาณฝากถึงลุงตู่ อย่าเลิกภาวะฉุกเฉิน โควิด-19 ต้องสะเด็ดน้ำอย่าให้รอบ 2 กลับมา ฝ่ายแค้นรอกระซวกอยู่!

0

สนธิญาณฝากถึงนายกลุงตู่ อย่าเลิกภาวะฉุกเฉิน เพราะโควิด-19 ต้องสะเด็ดน้ำ อย่าให้รอบ 2 กลับมา ลุงตู่ตายแน่ ฝ่ายแค้นรอกระซวกอยู่!

ในรายการ ทิศทางไทยในช่วงเวลา 00.00 กับ สนธิญาณ” ทางช่องสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ผ่านทางยูทูป  ทางด้าน สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินในประเทศไทย ระบุว่า..

คงจะจำได้ว่าก่อนหน้าที่โควิด-19กำลังรุนแรงและลุงตู่ประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน/สภาวะฉุกเฉินนั้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายแค้นออกมาคัดค้านกันอย่างเต็มที่ บอกว่าเป็นการปล้นเอาอำนาจของประชาชนมาไว้ในมือซึ่งสถานการณ์ถึงตอนนี้เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าการแก้ปัญหาของลุงตู่โดยใช้พรก.ฉุกเฉินนั้นประสบความสำเร็จ

โดยต้องย้อนกลับไปก่อนการประกาศใช้พรก.ฉุกเฉิน สิ่งที่ได้เห็นค่อความเละตุ้มเปะในการแก้ปัญหาของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการแถลงข่าวของโฆษกรัฐบาล แต่เมื่อมีการประกาศสภาวะฉุกเฉิน นพ.ทวีศีลป์ วิษณุโยธิน มาเป็นโฆษก การสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชน การดึงความรู้สึกของประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมคืบหน้ามาตามลำดับและที่สำคัญ พรก.ฉุกเฉินนั้น ในการประกาศใช้ความหมายของการเอาอำนาจมาไว้ที่นายกรัฐมนตรี หมายความว่า เวลามันมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นปกติมีกฎหมายหลายฉบับที่จะต้องนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งกฎหมายแต่ละฉบับนั้น อาจจะมีอธิบดีบางกรมเป็นผู้ดูแล อาจจะมีรัฐมนตรีบางกระทรวงเป็นผู้ดูแล สถานการณ์ของการสั่งการทางกฎหมายมันยุ่งเหนิงไปหมดแต่การประกาศสภาวะฉุกเฉินนั้นคือเอาอำนาจมาไว้ที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว

สนธิญาณ”ระบุต่อว่า สถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับวันนี้มียอดผู้ป่วยเป็นหลักหน่วย หรือบางวันเป็น0ราย ทำให้เกิดกระแสให้เลิกสภาวะฉุกเฉิน และล่าสุดเมื่อมีโพลจากนิด้าโพลออกมา เข้าทางฝ่ายค้านฝ่ายแค้นทันทีเพราะมีผู้เรียกร้องต้องการให้เลิกสภาวะฉุกเฉิน ทั้งค่อนข้างเห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างมาก 57% ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยและค่อนข้างไม่เห็นด้วย 40% ซึ่งน้อยกว่า และที่เหลือคือผู้ที่ไม่ออกความเห็น ดังนั้นเมื่อผู้อยากให้เลิกมากกว่าการตีปีบก็ขยายตามขึ้นมาทันที

วางใจไม่ได้ เนื่องจากล่าสุดที่ป่วย 3 ราย (18พ.ค.63) อย่าลืมว่าเป็นผู้ที่ใกล้ชิดผู้ป่วยและเพิ่งไปตรวจมาเมื่อวันที่15  หากถามว่าสถานการณ์แบบนี้หากบุคคลที่ป่วยเหล่านี้ไม่ทันตรวจ ไม่รู้ตัว หรือมีผู้ที่ประมาณ ซึ่งคงได้เห็นการเปิดห้างวันแรก คนทะลักทลาย ผู้คนใช้ชีวิตเหมือนกับจะปกติแล้ว เพียงแต่ยังมีเคอร์ฟิลอยู่เป็นประเด็นปัญหา ในด้านกลับกัน บอกว่าจะเลิกเคอร์ฟิลแต่อย่าเปิดผับบาร์ เสียงส่วนใหญ่ว่าแบบนั้น ซึ่งขัดกับการเลิกสภาวะฉุกเฉิน เพราะจะใช้อำนาจแบบนั้นได้ ต้องให้อำนาจนายกรัฐมนตรี ไม่อย่างนั้นก็ต้องกลับไปสะเปะสะปะที่กฎหมายต่างๆอีก สนธิญาณ”กล่าว

อีกทั้งต้องทำความเข้าใจว่าสถานการณ์ของโลกยังไม่ได้ดีขึ้น แม้ขณะนี้ยังจำกัดสิทธิ์ หรือจำกัดไม่ให้ชาวต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย แต่อย่าลืมว่าวันนี้ผู้ป่วยทั่วโลกเพิ่มามาเป็น4.8ล้านราย ตาย3แสนกว่าราย หนักหนาสาหัส เจ้าเดิมที่ยังมียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูง อยู่ก็คือสหรัฐอเมริกา ทะลุ1.5ล้านรายไปแล้ว ตาย9หมื่นราย ใกล้แสนขึ้นไปทุกที ไม่รู้จะดำเนินการทำศพอย่างไร ตามติดมาก็รัสเซียจากอันดับท้ายๆ วันนี้2แสน8หมื่นกว่าราย ที่ทำให้รัสเซียขึ้นมาแซงเพราะติดทุกวัน วันละ8,000-10,000ราย และที่มาแรงน้องใหม่ ก็คือบราซิล 2แสน4หมื่นราย ติดวันละ7,000-10,000ราย ขึ้นมาเป็นอันดับ5 ที่ย้ำแบบนี้คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจากคน ซึ่งต่างประเทศกำลังขยายวงกว้าง ขณะที่ลุงตู่ทำให้ลดลง แต่ไม่ใช่ขยายมาไม่ได้

“ถามว่าสถานการณ์ฉุกเฉินเดือดร้อนตรงไหน เดือดร้อนเพียงแต่ว่าลุงตู่แก้ไขปัญหาประสบความสำเร็จแล้วทำให้พวกนี้ ขัดเคืองใจในโพลของนิด้าก็สับสน ไม่รู้ว่าคำถาม..ถามอย่างไร อยากให้เลิกสภาวะฉุกเฉิน แต่ว่าอยากให้ประกาศเคอร์ฟิลต่อไป ไม่อยากให้เปิดผับบาร์ มันสวนทาง ขัดแย้งกัน” สนธิญาณกล่าว

ดังนั้นตอนนี้ต้องช่วยกันดู เพราะอาการป่วย 3 รายใหม่ (18พ.ค.63) จากคนใกล้ชิด เราไม่รู้ว่ายังมีบุคคลเหล่านี้อยู่ที่ไหน การทำงานยังจะต้องใช้อำนาจอันเบ็ดเสร็จ คือรวมกฎหมายทุกฉบับมาไว้ต่อไป จะบอกว่าสถานการณ์ดีแล้วปล่อยแล้ว นั้นไม่ได้! เพราะถ้าพลิกกับมาอีกที ลุงตู่ตาย เพราะขนาดแก้สำเร็จ จนทั่วโลกสรรเสริญเยินยอ ยังมีคนทิ่มเช้า ทิ่มเย็น ถ้าเกิดเที่ยวนี้บานปลายขึ้นมาอีกรอบเสร็จแน่นอน อยู่ไม่ได้

และถ้าอยู่ไม่ได้ ผลที่จะตามบ้านเมืองจะสับสนหรือจะเอาใครกลับมา เมื่อลุงตู่ออกไปก็ต้องเสนอกลับเข้ามาใหม่ หรือว่าอย่างไร หรือว่าบ้านเมืองจะวุนวายขึ้นเพราะสถานการณ์การเมืองฝ่ายค้านฝ่ายแค้น เห็นแล้วว่าพรรคพลังประชารัฐตอนนี้กำลังมั่วซั่วจะตีกันตายอยู่แล้ว ทุกอย่างวนกลับมาที่การช่วงชิงอำนาจทางการเมืองทั้งสิน ไม่ว่าจากฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น หรือฝ่ายรัฐบาลกันเอง มั่วไปหมดไอ้พวกนักการเมือง

สนธิญาณกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า..ให้กำลังใจลุงตู่ ต่อสภาวะฉุกเฉินต่อไป เอาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ให้บ้านเมืองรอด อย่าไปฟังกลุ่มนี้ ท้ายที่สุดประวัติศาสตร์จะจารึกเองว่า เป็นคนที่แก้ไขปัญหาและประสบความสำเร็จ นึกถึงชีวิตผู้คนมากกว่าการบ้าคลั่งทางการเมือง ส่วนการคลี่คล้ายก็ค่อยๆทำไป ดูแลประเมินกันต่อไป ช่วยกันดูแลบ้านเมือง