สนธิญาณเก่งมาจากไหน?!? นั่งกมธ.ศึกษาแก้รธน.!!! ภาพที่เห็น-เขาที่เป็น!?!

0

ผ่านไป2วันยังเป็นประเด็นให้ถูกหยิบชื่อมาพูดถึง และเชื่อว่านับจากนี้ชื่อของสนธิญาณ จะยิ่งถูกพูดถึงอีกไม่ใช่แค่120 วันของกรอบเวลาแต่จะสืบไปยาวนาน ด้วยสิ่งที่ทำในอดีต ปัจจุบัน และเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้!?!

ก่อนอื่นจะย้ำถึงรายชื่อกมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 49 คนซึ่งทั้งหมดจะมีกรอบเวลาพิจารณา 120 วัน ซึ่งชื่อที่ถูกกล่าวถึงทั้งในแง่ลบและบวกมากที่สุดคนหนึ่งมาจากโควตาของพรรคพลังประชารัฐ นั่นคือ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานสถาบันทิศทางไทย

โดยนายสนธิญาณ ถือเป็นโควตาคนนอกที่ไม่ใช่ส.ส. และในส่วนนี้อย่างที่เคยย้ำไว้แล้วมีจำนวนหลายคนไม่เพียงสนธิญาณเท่านั้น เพราะหากจะแยกออกเป็นฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านที่ไม่ได้เป็นส.ส. ก็พบว่าของรัฐบาล มี 6 คน และในฟากฝ่ายค้าน ก็มีที่ไม่ได้เป็น ส.ส.10 คน แต่ความสนใจของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลก็ดูเหมือนจะให้ความสนใจในตัวนายสนธิญาณเป็นพิเศษ โดยพยายามเชื่อมโยงไปให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับสื่ออย่างเนชั่น!!!

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วนายสนธิญาณ ได้รับการทาบทามไปในฐานะประธานสถาบันทิศทางไทย และเจ้าตัวเองก็ไปร่วมในบทบาทของประธานสถาบันทิศทางไทยที่มีประสบการณ์ ไม่ใช่ไปฐานะสื่ออย่างที่ใครหลายคนพยายามลากโยงกันอยู่ โดยเรื่องนี้ก็มีความชัดเจนจากดร.สุวินัย ภรณวลัยประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย ที่ได้ออกมาพูดถึงการเข้าไปนั่งกมธ.ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญของนายสนธิญาณ

ซึ่งไม่เพียงยืนยันถึงสถานการณ์เข้าไปนั่งเป็นกรรมาธิการฯในฐานะประธานสถาบันทิศทางไทยเท่านั้น หากแต่ดร.สุวินัยรวมทั้งนักวิชาการของสถาบันทิศทางไทยกำลังระดมสมองทำข้อเสนอถึงประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในนามสถาบันฯไว้ด้วยว่า เบื้องต้นที่ดร.สุวินัย รวบรวมไว้ตอนนี้มีหัวข้อดังต่อไปนี้

1. เรื่องสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะเรื่องพระราชอำนาจในยามวิกฤติของบ้านเมือง
2. ความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการตั้งรับอำนาจตะวันตก
3. ที่มา สว. อาจเลือกก็ได้ แต่ต้องเลือกตามกลุ่มอาชีพ
4. เรื่องไพรมารี่โหวต ต้องลดอำนาจผู้บริหารพรรค ต้องเพิ่มอำนาจประชาชน
5. เรื่อง ข้อมูล อัตลักษณ์ ในระบบบิ๊กดาต้าที่ประเทศต้องมีเป็นของตัวเอง

นั่นคือความชัดเจนของการเข้าไปเป็นกรรมาธิการศึกษาการก้ไขรัฐธรรมนูญของสนธิญาณ ที่ต้องย้ำไว้ว่าไปในนามประธานสถาบันทิศทางไทย ไม่ใช่ฐานะสื่ออย่างที่ใครหลายคนพยายามอยากให้เป็น ทั้งประเด็นสำคัญคือหากจะพูดถึงรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้กันอยู่นี้คณะกรรมการที่ร่างก็ปรากฏคนที่มาจากสื่อด้วย!!!

5 ตุลาคม58 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ในขณะนั้นแต่งตั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 21 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ปรากฏ นายภัทระ คำพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์รวมอยู่ด้วย
(https://thaipublica.org/2015/10/ncpo-watch-29/)

ที่ต้องหยิบยกตัวอย่างมาก็เพื่อให้ว่าแม้คณะกรรมการคนร่างรัฐธรรมนูญเองก็ยังมีตัวแทนจากสื่อมวลชนด้วยซึ่งก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ในขณะที่นายสนธิญาณเองก็เป็นเช่นนั้น เพราะก็เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถทั้งในบทบาทของสื่อที่มีประสบการณ์มายาวนาน จบการศึกษาปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นนักกิจกรรมของมหาวิทยาลัย เป็นศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีการศึกษารัฐธรรมนูญมาโดยตลอด สามารถอธิบายถึงเนื้อหาได้อย่างแหลมคม ซึ่งสะท้อนออกมาได้จากการจัดรายการ คมชัดลึก สุดสัปดาห์ ที่สถานีโทรทัศน์ของเนชั่นที่มีเรตติ้งสูงสุดรายการหนึ่งของช่องเนชั่นทีวี

นอกจากนี้บทความที่เด่นชัดที่สุดอีกประการของนายสนธิญาณที่ทำให้เป็นที่รู้จักและสังคมทเองก็รับรู้ได้นั่นคือ บทบาทของความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่แสดงออกมาเสมอ ซึ่งบทบาทที่เด่นชัดนั่นคือการนั่งเป็น ประธานเครือข่ายเฝ้าระวังพิทักษ์และปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งยังเคยเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา ซึ่งมีบทบาทเป็นที่ยอมรับในการทำหน้าที่

ดังนั้นการเข้ามาเป็นหนึ่งในกรรมาธิการศึกษาการก้ไขรัฐธรรมนูญของสนธิญาณ จึงความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เพราะในการศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นย่อมต้องการข้อเสนอแง่คิดที่มีมุมมองหลากหลาย ดั่งเช่นที่เคยมีอดีตคนสื่ออย่างนายภัทระ เข้าไปทำหน้าที่มาแล้ว และประการสำคัญเมื่อสังคมประชาชนคนไทย ตั้งข้อสังเกตุถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคอนาคตใหม่ ที่มีแนวคิดความมุ่งหวังที่จะแก้มาตรา1ด้วยหรือไม่นั้น ยิ่งนายสนธิญาณ เข้าไปเป็นกรรมาธิการฯเรื่องนี้จะได้เข้าไปดูเรื่องดังกล่าว

ขณะที่มีการพูดถึงและวิจารณ์กันว่าการเข้าไปของนายสนธิญาณ จะกลายเป็นสายล่อฟ้าหรือไม่ เรื่องนี้ประการแรกนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“ไม่ใช่สายล่อฟ้าหรอก แต่ทุกคนก็จะมาดูเรื่องบ้านเมืองให้ดีขึ้น อย่าคิดว่าเห็นชื่อแล้วดูน่ากลัว อย่างนายสนธิญาณ ก็เป็นสื่อที่ตนเองติดตามฟังรายการอยู่เสมอ เชื่อว่าน่าจะมีไอเดียบางอย่างเป็นประโยชน์ จะได้เข้ามาเสนอความคิดเห็นหลากหลายขึ้น”

แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่นายสนธิญาณเป็นและทำมาตลอด นั่นคือ การมีจิตเมตตากับคนใกล้ชิด สนใจและศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้งจริงใจมาอย่างเสมอ และด้วยศรัทธานั้นเองนายสนธิญาณ ได้สร้างสถานปฏิบัติธรรมที่บ้านเกิดคือจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยใช้ชื่อว่า สถานปฏิบัติธรรมชื่นฤทัยในธรรม ซึ่งนำชื่อของคุณยายที่อบรมเลี้ยงดูมาใช้ตั้งเป็นชื่อเพื่อตอบแทนบุญคุณ ต่อมาได้ยกสถานะตั้งขึ้นเป็นวัดได้รับการจดทะเบียนแล้วใช้ชื่อว่า วัดป่าศรีธรรมราม โดยเรื่องนี้เมื่อถูกสอบถามว่าทำไมถึงไม่ใช้ชื่อของคุณยายอย่างที่เคยใช้ ซึ่งนายสนธิญาณบอกว่า วัดเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง

อย่างไรก็ตามนายสนธิญาณ ยังดำเนินงานเพื่อพระพุทธศาสนาหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คณะพระสงฆ์ภาคใต้กล่าวว่า ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในรอบ100 ปีของภาคใต้เลยก็ว่าได้เมื่อ นายสนธิญาณ ได้ทำโครงการสร้างตึกสงฆ์อาพาธ “ศรีธรรมราชา” ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมกับคณะสงฆ์ภาคใต้
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กลุ่มบริษัทเนชั่น และจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีเตียงผู้ป่วยจำนวน 94 เตียง ด้วยเงินประมาณในการก่อสร้างจำนวน 400 ล้านบาท โดยจะวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อพระสงฆ์และสามเณรในภาคใต้ที่มีจำนวน 19,763 รูป จากวัดในภาคใต้ที่มีถึง 2,563 วัด จะได้รับการรักษา เพราะขณะนี้มีตึกสงฆ์อาพาธที่จังหวัดพัทลุงเพียง 8 เตียง และที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีฯ เพียง24เตียงรวมเท่านั้น

นั่นอาจเป็นคำตอบส่วนหนึ่งในคำกล่าวที่ว่า ภาพที่เห็น-เขาที่เป็น ในขณะที่คำถามที่ว่า สนธิญาณ เขาเก่งมาจากไหน??? คำตอบก็คงปรากฏจากเนื้อความข้างต้นแล้ว และหากอยากจะรู้ว่าเก่งและดีจริง-แค่ไหน-อย่างไร!?! ที่ผ่านมาคำตอบก็ชัดแล้ว และสิ่งที่กำลังดำเนินไปจะยิ่งทำให้ประจักษ์ !!!