#คลื่นความเกลียดชัง #อย่าปล่อยให้ลอยนวล #กัดเซาะสังคมไทย..เร่งสร้าง Wellness community
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล
#คลื่นความเกลียดชัง กำลังส่ง #คลื่นสั่นพ้อง (กำธร -resonance) ครอบงำคนไทย สร้างกมลสันดานใหม่ให้ #รังแกกัน #เกลียดชังกัน #ทำร้ายทำลายชีวิตกัน นับตั้งแต่ข่าวใหญ่ “นักเรียน ม.1 ถูกล้อจนเหลืออด พกปืนยิงอีกฝ่ายเสียชีวิต”
แต่จะมีใครทราบอีกว่า ยังมีกรณีเล็กๆอีกมากปรากฏขึ้น ดังเช่นกรณีหนึ่งที่ผู้เขียนได้รับคำปรึกษาจากคุณแม่คนหนึ่งเล่าให้ฟังถึง กรณีลูกสาวที่ #โรงเรียนอนุบาล ว่า “เด็กชายอนุบาล 1 กดดันเพื่อนอนุบาลด้วยคำด่าด้วย วาจาสามหาว -hatespeech #คนจังไร #ไอ้ขยะสังคม เพื่อรีดเงินค่าขนมจากเด็กที่มาใหม่ จนอนุบาลหญิงไม่ยอมไปโรงเรียน” คุณแม่ท่านนี้บอกคุณครูมา 1 ปี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนขึ้นสู่อนุบาล 2 คุณแม่ต้องจัดการเอง ไปพูดกับเด็กชาย และถามว่า “หนูรู้ความหมายมั้ยกับคำด่านั้น” ปรากฏเด็กไม่รู้ความหมาย
ผลการคุยกัน เด็กอนุบาลชายแทนที่จะเลิกด่า กลับใช้วิธียอมรับเด็กหญิงเข้าเป็นพวก แล้วสร้างแก๊ง #ขยายแก๊ง ให้ใหญ่ขึ้น เวลานี้แก๊งมี 11 คน และด่าใส่คนอื่นที่ไม่เป็นพวก
วิชาฟิสิกส์สามารถแสดงให้ดูได้ว่า #ส้อมเสียง หนึ่ง เมื่อได้รับการส่งเสริมให้ #กำธร ก็สามารถส่งคลื่น ให้ส้อมเสียงอื่นที่มีโครงสร้างเดียวกัน พร้อมรับคลื่นนั้นให้สั่นพ้องไปตามคลื่นที่กระตุ้นเร้ามา
ปัจจัยอะไรอำนวยให้เกิดเรื่องนี้ในสังคมไทย?
1.กระแส “คลื่นความเกลียดชัง” กำลังก้าวเข้าครอบงำสังคมคือ การใช้อำนาจดูหมิ่นกัน รังแกกัน #เบียดขับกัน #ไม่ให้มีที่ยืน และฉวยโอกาสเอาเปรียบ
2.กระแสแก้ปัญหาด้วย #ความรุนแรง ขาดความยั้งคิด
- #สถาบันโรงเรียนและครูขาดบทบาท ตามปัญหาไม่ทัน กระทั่งปละปล่อยเหมือนธุระไม่ใช่
4.อิทธิพลใหญ่คือ #สื่อโซเชียล ที่สร้างคลื่นสั่งพ้องแห่งความรุนแรง วาจาสามหาว
ถ้าคนไทยต้องการ Wellness community ต้อง อย่าปล่อยให้ “คลื่นความเกลียดชัง” ลอยนวล ต้องช่วยกันสร้าง “คลื่นรักและเมตตา” ให้ครอบคลุมสังคมไทย ด้วยทุกวิธีการ