พล.ท.นันทเดช ตามหาความจริง 4กรณี ความรุนแรงชุมนุมแดง ถ้าอยากรื้อฟื้นคดี ก็ดีหลักฐานยังมีอีกเพียบ

0

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ตามหาความจริง ยกตัวอย่าง 4 กรณี ความรุนแรงชุมนุมแดง53 ถ้าอยากรื้อฟื้นคดี ก็ดีหลักฐานยังมีอีกเพียบ ตั้งแต่อาวุธสงครามรวมถึงระเบิด C-4

สืบเนื่องจากที่คณะก้าวหน้า หรือ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ออกมาเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้ยิงเลเซอร์ระบุข้อความ #ตามหาความจริง ทั่วกรุงเทพฯ ตามสถานที่ต่างๆ รวมไปถึงกระทรวงกลาโหม โดยเผยคลิปวิดีโอและภาพการยิงเลเซอร์ ข้อความ #ตามหาความจริง จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้

 ล่าสุด 15 พ.ค.63 มีความเคลื่อนไหวจากทางด้าน พล..นันทเดช เมฆสวัสดิ์ กรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.)ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊คระบุว่า..  ตามหาความเท็จ จากคณะใหม่  เอาแค่เรื่องในเหตุการณ์เพียงวันเดียวของการประท้วงก่อน เบื่อที่ต้องเขียนแล้วเขียนอีก ไม่เขียนก็ไม่ได้ มีคนพยายามเอาเรื่องไม่จริงมาหลอกเด็กอยู่เรื่อยๆ ผมว่ารัฐบาลใจดีเกินไปหรือเปล่า

1.การก่อเหตุรุนแรงในการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช. เมื่อ 10 เม.ย. 53 เริ่มต้นขึ้นด้วยการใช้อาวุธสงครามออกมายิง ฮ. ที่เชิงสะพานผ่านฟ้าก่อน ท่ามกลางคนนับร้อย หลังจากนั้นบนสะพานพระปิ่นเกล้าฯ คนอีกกลุ่มก็ขึ้นไป
รุมทำร้ายทหาร บนรถบรรทุกทหาร 4 คัน โดยทหารมีปืนพกประจำกาย แต่ไม่ทำร้ายหรือต่อสู้ ด้วยเห็นว่าเป็นประชาชน ที่เป็นคนไทยด้วยกัน กลุ่ม นปช.ยึดอาวุธสงครามไปได้ส่วนหนึ่ง ปัจจุบันยังตามหาไม่ครบ

2.ต่อมาที่บางลำภู ช่วงบ่าย การ์ดของกลุ่ม นปช.คนหนึ่งในแถวหน้าที่ผลัดดันกันอยู่กับแถวทหาร การ์ดคนนั้นได้ล้วงปืนพกออกมายิงใส่ทหารที่ผลักดันกันอยู่ซึ่งๆหน้าล้มลง 2 คนกลางวันแสกๆ พอตกค่ำก็มีชายชุดดำเริ่มต้นใช้อาวุธสงครามหลากหลายชนิด ระดมยิงเข้าไปที่กลุ่มทหาร และประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดถนนบางลำภู จนประชาชนย่านนั้นต้องนำทหารที่บาดเจ็บไปซ่อนไว้ในบ้านเพราะไม่งั้นจะมีกลุ่มคนที่คอยดักทำร้ายทหารที่ถูกยิงบาดเจ็บแล้วซ้ำเข้าไปอีก ขณะกำลังนำทหารส่งโรงพยาบาล

3.แค่นั้นไม่พอ เมื่อทหารไม่กล้ายิงประชาชนที่อยู่หน้าแถว กลุ่มชายชุดดำอีกชุดหนึ่ง ล้อมทหารไว้หน้า ร.ร.สตรีวิทย์ เอาประชาชนบังหน้า ฮึกเฮิมถึงขั้นใช้อาวุธสงครามนาๆชนิด รวมทั้งระเบิดสังหาร ลอบสังหาร นายทหารระดับผู้การกรมจนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสไปถึง 4 คน รวมถึงการฆ่าประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง อย่างหน้าตัวเมีย มีทหารบาดเจ็บมากมาย กล่าวกันว่า ทหารที่ตายและบาดเจ็บ มีจำนวนพอๆกับทหารไทยที่ไปรบในสงครามเวียดนามเลยทีเดียว (แตกต่างกันตรงที่ ที่ราชดำเนินทหารไม่สามารถใช้อาวุธ โต้ตอบฝ่ายตรงข้ามซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มประชาชนโดยใช้ประชาชนบังหน้าได้ จึงถูกไล่กระทำเพียงฝ่ายเดียว)

4.ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คดีแรกๆที่จะฟ้องทหาร เรื่องพลเรือนที่ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงตายหน้า ร.ร.สตรีวิทย์ 2 คน และนักข่าวญี่ปุ่นอีกคนหนึ่ง ฝ่ายที่จะเอาผิดทหาร พยายามเชื่อมโยงว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะผลการพิสูจน์ทั้งทางการแพทย์ (นิติเวชน์)และรูปภาพในคลิปวิดิโอ กลับยืนยันได้ว่ากระสุนที่ยิงใส่พลเรือน 2 คนจนเสียชีวิตนั้นไม่ได้มาจากฝั่งทหาร นอกจากนั้น ประชาชนอีกคนที่ตายจาก”กระสุน” ก็เป็นกระสุนที่ทางทหารไม่มีใช้ เรื่องการตายของพลเรือนที่หน้า ร.ร.สตรีวิทยา จึงยุติลงไป แต่ไปจับเอาเรื่องของพลเรือนที่ตาย ย่านราชประสงค์มาเล่นงานทหารแทน ตอนนี้ก็ยุติไปอีก เพราะความจริงพิสูจน์ได้

อย่าไปตามหาความจริงเลย แต่ถ้าอยากรื้อฟื้นคดี ตามที่กลุ่มฉายแสงเลเซอร์เรียกร้องมาก็ดีเหมือนกัน หลักฐานหลังจากการสลายตัวของ กลุ่ม นปช.ยังมีอีกเพียบเลย ตั้งแต่อาวุธสงครามทั้งหลายรวมถึงระเบิด C-4 เอาเลยครับ เอากันจริงๆสักที ไม่งั้นพูดกันไม่รู้จักจบ

ในแทบทุกศาสนา ศีลข้อแรกคือการยกเว้นการฆ่า โดยเฉพาะการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เคยมีพระเกจิท่านหนึ่งได้บอกผมว่า คนที่เอาชีวิต(ฆ่า)คนอื่น รวมทั้งคนที่สั่งการวิญญาณของผู้ตายจะมาเกาะอยู่ข้างหลัง เป็นกรรมติดตัวไปตลอด ยิ่งกรรมเกาะหลังเยอะยิ่ง”หนักกรรม”ครับ

🔻 ตามหาความเท็จ จากคณะใหม่ 🔻เอาแค่เรื่องในเหตุการณ์เพียงวันเดียวของการประท้วงก่อน เบื่อที่ต้องเขียนแล้วเขียนอีก…

Posted by พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ on Friday, May 15, 2020