นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพจ “สุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง” ระบุว่าหวั่นโรคโควิด 19 จะระบาดระลอก 2 ระลอก 3 เนื่องจากพบประชาชนเริ่มประมาท ไม่ป้องกันตนเองเหมือนที่ผ่านมา
โดยมีข้อความระบุว่า…“ระลอก 2 ระลอก 3 มาแน่ๆ” ด้วยความห่วงใย ผมเห็นประชาชนเริ่มประมาทในการป้องกัน โควิด 19 “ถ้าเราหยุดวิ่งทันทีตอนวิ่งมาเร็วมันจะล้มหัวคะมำ” ไม่อยากเห็นการสูญเสียของประเทศชาติและประชาชนครับ
1) พบพี่น้องประชาชนผ่อนคลายมาก ๆ เริ่มออกจากบ้านจนรถติดใกล้เคียงปกติ ออกจากบ้านโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย
2) อย่าประมาทเด็ดขาด แม้อัตราผู้ป่วยรายใหม่จะเพิ่มขึ้นแค่หลักหน่วย ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นการแพร่ระบาดในวงจำกัด ไม่ใช่โรคสงบนะครับ
3) ชัยชนะ คือ ลดการแพร่เชื้อ วิ่งเข้าเส้นชัย แบบสูญเสียน้อยที่สุด
4) หมอขอยืนยันว่า เมื่อไหร่ที่เราประมาทไม่ระมัดระวังตัวมีโอกาสที่โรคจะกลับมาระบาดในระดับวิกฤติได้ เช่น คนไทยประมาท มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร ~ 70 ศพต่อวัน คนพิการอีกหลายร้อยชีวิตต่อวัน แต่พวกเรากลับชินชา…..เช่น ดื่มแล้วขับ ขับรถเร็วมาก ไม่สวมหมวกกันน๊อก
5) ต้องมีการค้นหาผู้ป่วยเชิงบุก อย่างต่อเนื่อง ตัวเลขผู้ป่วยจะใกล้ความจริงเมื่อเราบุกค้นหา และเข้าควบคุมโรค นอกจากนี้ ต้องบุกทุก ๆ เรื่อง “ให้ความรู้ ปรับทัศนคติ และพฤติกรรรม” ต้องให้ประชาชน ทำตามมาตรการ > 90% จึงค่อนข้างมั่นใจว่า เราปลอดภัยครับ
6) แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงาน จะวางแผนรองรับอย่างดี แต่โอกาสระบาดใหญ่ อีกหลายระลอกเกิดได้เสมอ ถ้าขาดพลังความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน (ดูตัวอย่างในประเทศที่ไม่มีแม้ที่ฝังศพ ครับ)
7) ปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดมี 2 ปัจจัยคือ
7.1) การติดเชื้อในชุมชน และแพร่เชื้อ
7.2) การรวมตัวของคน คนอยู่แน่นมากก็เสี่ยงมาก การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ~ 1-2 เมตร สำคัญมาก การสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือ ต้องทำจนเป็น New normal
7.3) ตัวอย่าง เราต้องพึ่งตนเอง ดูแลตนเอง หากไปเดินห้างสรรพสินค้า ควรไปซื้อเฉพาะของที่ต้องการแล้วกลับ ไม่ควรอยู่นาน ไม่ใช่การไปการพักผ่อน
แต่เป็นการเพิ่มความเสี่ยง และคนบางกลุ่มไม่ควรไป เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรง เพราะเท่ากับเดินไปเสี่ยงในเส้นทางแห่งความตาย ครับ
8. การระบาดระลอก 2 และ 3 มาแน่ๆ สถานการณ์ตอนนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ควรคุมให้ได้ในระดับสิบ เป็นสภานการณ์ ที่สมดุล เหมาะสม
(มิใช่ระดับร้อย พัน หรือหมื่น) รับรองหมอก็ตายครับ
9) หมอถูกพี่น้องประชาชนถามเสมอว่า โรคโควิด 19 อยู่กับเรานานแค่ไหน กี่เดือน กี่ปีครับคุณหมอ อยากให้สงบซะที
– ผมตอบว่า ขึ้นกับเรารักในหลวง พ่อของเราแค่ไหน เราปฏิบัติตามพ่อสอนเรื่อง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แค่ไหน การที่เราช่วยกันป้องกัน ดูแลตัวเอง จะเป็น “ภูมิคุ้มกันที่ดี” และดีกว่า วัคซีนโควิด 19
เราต้องเข้าใจ มีความรู้การแพร่เชื้อ การป้องกัน และช่วยเป็นแบบอย่างเชิญชวนคนอื่น ๆ ให้ทำตาม
วัคซีนของพ่อ ….สังคมไทยจะค่อย ๆ ปรับตัว เราจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ตามธรรมชาติ แม้ช้า แต่เกิดความมั่งคง ยั่งยืน และพึ่งตนเองครับ
10) สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ล้างมือบ่อย ๆ งานที่สามารถทำที่บ้านได้อยากให้ทำกันที่บ้าน การเหลื่อมเวลาทำงานเพื่อลดความแออัดของที่ทำงาน และการเดินทาง ที่ทำงานควรจัดเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร ถ้าเว้นไม่ได้ควรมีฉากกั้นที่สูงมาก ปิดแอร์ เปิดหน้าต่าง หรือติดตั้งระบบระบายอากาศ
หมอเป็นห่วงทุกมิติของสังคม โดยเฉพาะความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน คนไข้พูดกับผมว่า “คุณหมอครับผมไม่มีเงินจ่ายค่ายาครับ ขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ได้เงินเลย” ช่วยลูกสาวผมด้วย หมอบอกว่าไม่เป็นไร “คนไข้มาก่อนเสมอ” มีเงินมาช่วยทำบุญเข้ามูลนิธิสุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อช่วยคนอื่นต่อไปนะครับ
มาตรการดีๆ ต้องธำรงรักษาและทำต่อเนื่อง ให้เป็นวิถีชีวิตใหม่ที่ดี ครับ (New Normal)
– เมื่อสิ้นสุด โควิด 19 ขอให้ประเทศไทยและพี่น้องประชาชน เรียนรู้ พัฒนา ด้วยความรอบคอบ พัฒนา New Normal ให้เหมาะบริบทสังคมไทย
– สิ่งสำคัญ ประเทศไทยและประชาชน ต้องมั่นคง ไม่ต้องรวยก็ได้ แต่มีความสุข ประชาชนสุขภาพดี ปลอดภัย และเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน มั่นคง คนไทยมีคุณธรรม มีวินัย มีปัญญา และก้าวสู่สังคมแห่งความสุข มีพลังจิตอาสา ช่วยเหลือกัน เราทำความดีด้วยหัวใจครับ ครับ
นพ. รุ่งเรือง กิจผาติ
• ประธานมูลนิธิสุขภาพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
• ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (ระดับ 10) นพ.ทรงคุณวุฒิ) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการ ศบค. สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
ที่มา : สุขภาพ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง